กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะไม่ส่งผลกระทบกับไทยมากนัก เนื่องจากไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศและยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
สำหรับความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประเมินภาวะเงินทุนไหลออก พร้อมมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่รัฐบาลกำลังออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นอาจไม่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยมากนัก ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงจากแนวโน้มการก่อหนี้ที่สูงขึ้น แต่เชื่อว่าจีนจะสามารถปรับตัวได้ ส่วนนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่กับจีนนั้น มองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทย ส่วนการทำงานของธนาคารพาณิชย์ปี 2560 ควรจะมีความร่วมมือกับภาครัฐมากขึ้น เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ International Business Settlement co., LTD. (IBS) ฟินเทครายใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศไทย-จีนในรูปสกุลเงินบาทและเงินหยวน ด้วยการใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing) และบล็อกเชน (Blockchain) ผ่านเครือข่ายการชำระเงินข้ามประเทศ Next Generation Settlement Network (NGSN) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชำระเงินเพื่อการค้าและโอนเงินต่างธนาคารทั่วโลกแบบเรียลไทม์ RTGS (Real-Time Settlement Network) โดย NGSN ได้รับการออกแบบให้เป็นระบบปฏิบัติการที่สะดวก มีสมาชิกเป็นธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานชำระบัญชีจากทั่วโลก สามารถโอนเงินหลายสกุลถึงกันได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านธนาคารตัวแทนหลายธนาคาร จึงสามารถลดระยะเวลาการชำระเงิน ลดค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนในการดำเนินงานในขณะที่มีความปลอดภัยสูง
นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยและยังเป็นประเทศหลักที่นำเงินลงทุน FDI เข้ามาในประเทศไทย โดยปี 2559 มียอดประมาณการค้าระหว่างไทย-จีน 2.3 ล้านล้านบาท ดังนั้น ความร่วมมือกับ IBS ครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการชำระเงินระหว่างประเทศไทยและจีน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านดิจิทัล แบงก์กิ้งของธนาคารก้าวหน้ายิ่งขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพของค่าเงินบาทและเงินหยวน อันจะส่งผลให้ปริมาณการค้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีสาขาและสาขาย่อยที่จีนทั้งหมด 3 สาขา และมีสำนักงานผู้แทนอีก 3 สาขา โดยปี 2560 ธนาคารจะดำเนินการยกระดับจากสาขาต่างประเทศให้กลายเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน (LII) และเปิดสาขาแห่งที่ 4 ที่นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถของการบริการอย่างครบวงจรและมีความคล่องตัวในการขยายธุรกิจมากขึ้น พร้อมให้บริการนักลงทุนจีนและไทย รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มลูกค้าบุคคลในจีนและนักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทยในรูปแบบดิจิทัลด้วย.-สำนักข่าวไทย