เสนอ 5 มาตรการเร่งด่วน ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีน

สำนักข่าวไทย 3 ต.ค.-สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เตรียม 5 มาตรการเร่งด่วน ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนเสนอรัฐบาลสัปดาห์นี้ ยกเว้นวีซ่าเข้าไทยระยะสั้นใน 3เดือนนี้ หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับมาในช่วงตรุษจีนปีหน้า ตามเป้า 11 ล้านคน 


นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า กล่าวว่า แอตต้ากำลังประชุมร่วมกับภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจโรงแรม ถึงมาตรการเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากผลกระทบหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะที่ผ่านมาทั้งอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่ จ.ภูเก็ต ข่าวการแพร่ระบาดของไข้เลือดออก  และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน 


สำหรับมาตรการที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเตรียมนำเสนอรัฐบาล ให้พิจารณาเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือการยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า หรือยกเว้นวีซ่า ในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้  เนื่องจากมองว่ามาตรการดับเบิลเอ็นที วีซ่า คือทำวีซ่าครั้งเดียวเข้าประเทศไทยได้ 2ครั้งยายังแรงไม่พอ และยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น มาตรการเรื่องความปลอดภัยของยานพาหนะ อาจไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากระยะที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุบ่อยขึ้น , มาตรฐานด้านโภชนาการและสุขอนามัย ควรเรียกหารือทำความเข้าใจกับผู้ประกอบ การร้านอาหารที่ทัวร์จีนไปลง,การจัดทำประกันการเดินทาง ซึ่งนักท่อง เที่ยวจีนที่เข้ามาผ่านทัวร์จะไม่มีปัญหา แต่มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนใหญ่ไม่ซื้อประกันการเดินทาง ควรหารือกับผู้ประกอบการว่าทำอยางไรให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เข้ามามีประกันภัย ,การบริหารจัดการนำเที่ยวทำอยางไรให้เหมาะสมกับสุขภาพกับนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่นักท่อง เที่ยวจีนเดินทางไฟลท์กลางคืน ยกตัวอย่างเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางถึง  จัดโปรแกรมให้ไปเที่ยวทะเลดำน้ำ โดยที่ไม่พักผ่อนก่อน อาจเป็นอันตราย เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องมาหารือกัน  


ทั้งนี้ คาดหวังว่ามาตรการที่จะเสนอภาครัฐ อย่างน้อยภายในปลายปีนี้ จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาได้ทันช่วงตรุษจีนร้อยละ 60-70 และต้นปีหน้าจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ มาตรการดังกล่าวจะเร่งสรุปเพื่อยื่นให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ภายในสัปดาห์นี้  

เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวด้วยว่า  สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนช่วง 6เดือนแรก ที่แอตต้าทำไว้ ตัวเลขเป็นบวก แต่เข้าสู่เดือนที่ 7 ตัวเลขเริ่มติดลบ ช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ติดลบถึงร้อยละ 1.76 จากเดิมที่ประเมินว่าปีนี้ น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 11ล้านคน หากไม่เร่งดำเนินการ จำนวนนักท่องเที่ยวจีน อาจหายไปถึง 1 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในหลาย ๆ เรื่อง  ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวจีน 50,000 บาทต่อการเดินทาง 1 ครั้ง  เท่ากับว่าสูญเสียรายได้ 50,000ล้าน  และนักท่องเที่ยว 1 คน บริโภคข้าวสาร อย่างน้อย 1  กิโลกรัม ต่อการเดินทางมาเมืองไทย 4-5 วัน ยอดจำหน่ายหายไป 1 ล้านกิโลกรัม   

นอกจากนี้ในช่วง3 เดือนนี้เที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือ ชาเตอร์ไฟล์ทเกือบ 10เที่ยวบินยกเลิกหมดแล้ว สิ่งที่ตามมาคือเที่ยวบินเหล่านี้ต้องย้ายไปที่อื่น หากไทยยังไม่สร้างความมั่นใจสายการบินเหล่านี้ก็จะไม่กลับมา  ฤดูกาลหน้าช่วงตรุษจีนจากที่ปีหน้าตั้งเป้ายอดนักท่องเที่ยวจีน12-13 ล้าน คน อาจเป็นไปได้ยาก จะเสียโอกาสต่อเนื่องไปอีก 2-3 ล้านคน  หากวันนี้ไทยลงทุน 6 เดือนแรก ทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือยกเว้นวีซ่า  ลงทุน 5 พันล้านแต่จะสามารถกลับมาได้2 ล้านคนสร้างรายได้เข้าประเทศ  1 แสนล้านเป็นวิธีคิดของภาคเอกชน ที่ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาในเวลานี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยทั้งหมด 35 ล้านคน  เป็นนักท่องเที่ยวจีน 10 ล้านคน ถือเป็นเป็นตัวเลขอันดับ1 ที่มีฐานตัวเลขใหญ่ที่สุด พร้อมยกตัวอย่างเกาะฮอกไกโดประสบปัญหาภัยธรรมชาติ  รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศลดค่าห้องพักทั้งเกาะฮอกไกโดร้อยละ 70  และในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา ยกเว้นวีซ่า กับคนไทย จากปี2013 ปี นักท่องเที่ยไทยเดินทางไปเที่ยวปีละ2แสนคน  ล่าสุดทะลุ 1 ล้านคน  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย