“ทักษิณ” ยันนักท่องเที่ยวจีนหายไม่ใช่เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 17 ก.ค. – “ทักษิณ” ยันนักท่องเที่ยวจีนหายไม่ใช่เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่เป็นเรื่องความปลอดภัย หลังดาราจีนโดนหลอก แนะเดินหน้า Smart City ติดกล้อง AI ยกเคสคนวางระเบิดควันข้างบ้าน ย้ำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องมีกาสิโน ไม่งั้นไม่มีคนลงทุน หนุนรัฐบาลทำ Golden Visa ให้ต่างชาติ ดัน GDP ประเทศ


นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยระบุว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ควรเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญด้วยการนำเงินจากทั่วโลกเข้ามา เช่น การเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบิน เป็นศูนย์กลางผู้โดยสาร และคลังสินค้า เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการแวะพักเครื่องระหว่างทาง (Transit) ต่ำมาก เนื่องจากการบริการไม่เพียงพอ และการเชื่อมโยงไฟลต์ไม่ได้เกี่ยวโยงบริษัทกับการแวะพักเครื่องระหว่างทาง ดังนั้น วันนี้ AOT สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แม้กระทั่งปัจจุบันก็มีการถกเถียงกันเรื่องห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน ตนจึงบอกให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปทะเลาะกันเองว่า ห้องสูบบุหรี่ไม่สามารถสูบได้ภายในพื้นที่อาคาร แต่เมื่อคนที่มาเปลี่ยนเครื่องต้องมาสูบบุหรี่ เราจะทำห้องสูบบุหรี่ก็ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย บางทีเรามีกฎหมายอยู่อีกเยอะแยะ หยุมหยิม ขณะเดียวกัน เงินจาก AOT ที่ได้จากค่าบริการผู้โดยสารขาออก หรือ PSC ก็สามารถนำไปขยายตามต่างจังหวัดได้ เช่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ หรือไปเทคโอเวอร์สนามบินกระบี่กลับมาเป็นของ AOT ก็ยังได้ ซึ่งวันนี้เป็นของกรมการบินพลเรือน ฉะนั้น เราจะต้องทำให้ AOT แข็งแรงและเป็นตัวทำเงินให้กับประเทศ

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว แน่นอนว่าเราต้องเน้นต่อไป วันนี้นักท่องเที่ยวจีนที่ลดการมาเมืองไทยน้อยลง ก็เพราะว่าดาราโดนหลอก พร้อมยกตัวอย่างกรณีนายหวัง ชิง หรือ ชิงชิง ซึ่งเป็นดาราจีนที่โดนคนจีนด้วยกันหลอกไปเป็นสแกมเมอร์ฝั่งประเทศเมียนมา พอลงเครื่องเสร็จก็เดินทางไปแม่สอด และหายเข้าไป กว่าจะนำตัวกลับมาได้ก็ข่มขู่กันแทบตายกว่าจะได้ออกมา พอออกมาภาพก็เสียไปแล้ว และออกข่าวเต็มไปหมด ชิงชิงจากที่เป็นนักแสดงไม่โด่งดังเท่าไหร่ พอโดนหลอกที่เมืองไทย กลายเป็นป็อปปูลาร์ไปเลย ซึ่งตอนนี้งานจ้างก็มีเพิ่มขึ้นมาก และเว็บไซต์บางเว็บก็ไปลงว่าเมืองไทยไม่ปลอดภัย แต่คงไม่ใช่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะยังไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญ นอกจากเราจะทำเรื่องของเราแล้ว ตนคิดว่าเราต้องเร่งเมืองท่องเที่ยวให้เป็น SMART CITY นั่นคือการติดกล้อง AI ให้หมด วันก่อนมีคนเอาระเบิดควันไปทิ้งข้างบ้านติดกับตน ซึ่งอาจจะอยากทำให้ตนตกใจมั้ง แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่มาตอนตี 3 ตี 4 ค้นหาไม่เจอ แต่ตำรวจตามเจอรูปที่ 7-11 แถววงเวียนใหญ่ ก็เลยจับได้หมด เพราะฉะนั้น SMART CITY ที่ติดกล้อง AI ทั่วไปหมด และมีซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องและดี รับรองได้ว่าความปลอดภัยจะสูงมาก เมื่อมีความปลอดภัย เราจะสามารถรับประกันนักท่องเที่ยวได้ เมื่อเรารับประกันนักท่องเที่ยวได้ นักท่องเที่ยวก็จะมาประเทศไทย ตนยังคิดว่าตนไปเมืองจีนรอบหน้า


“ผมจะสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์จีนเอง ถ้าใครมาเมืองไทยแล้วโดนฆ่าโดนปล้น ผมจะรับผิดชอบให้ จะจ่ายเงินส่วนตัวให้ ผมจะ Insure เองเลย ต้องให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยให้ได้ ผมเป็นคนชอบเสี่ยงทั้งชีวิต ยกเว้นไม่ได้เล่นการพนัน”

นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนสมัยตนเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าใครจำได้ ตอนนั้นโรคซาร์สระบาด มีการใส่หน้ากากกันทั้งเมือง ตนก็เช็กกับทางเทคนิควิทยาศาสตร์ พบว่าโรคซาร์สไม่สามารถติดต่อผ่านทางเดินหายใจได้ ตนจึงถามว่า แล้วจะใส่หน้ากากทำไม ในเมื่อไม่ได้อยู่ใกล้กัน ตอนนั้นตนจึงชวนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปสนามบินดอนเมืองแบบไม่ใส่หน้ากาก เพื่อให้คนเห็นว่าไม่เป็นไร หลังจากนั้นตนก็เลยชวนคนไทยให้เลิกใส่หน้ากาก คนก็เลยมั่นใจว่าประเทศไทยไม่มีอะไรและเริ่มกลับมา และตอนไข้หวัดนก ตนก็ลองกินไก่ให้ดู เพราะรู้ว่าถ้าไก่ทำให้สุกเกิน 80 องศาฯ ก็จะไม่มีเชื้อโรคเหลือ ตนก็ให้ทำครัวกลางสนามหลวง เอานายธงไชย แมคอินไตย์ หรือ เบิร์ด นักร้องชื่อดังไปด้วย โดยไปโชว์กินไก่ ปรากฏว่าไก่ก็เลยขายได้ นี่คือสิ่งที่ตนเสี่ยงเพื่อบ้านเมือง เพราะตนเป็นคนที่ถ้าให้เสี่ยงเพื่อบ้านเมืองไม่เคยกลัว เรื่องนี้ก็เหมือนการประกันภัย (Insurance) นักท่องเที่ยว ถ้าตนไปเมืองจีนเมื่อไหร่ ตนก็จะประกาศประกันภัยด้วยตนเอง

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้การท่องเที่ยวเข้าใจว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมเรื่องใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการจัดเทศกาล Tomorrowland ในปีหน้า อีกปีหนึ่งก็จะมีการแข่งขัน Formula 1 (F1) โดยใช้สนามแข่งที่เขตจตุจักร และจะเป็น F1 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จะมีคนดูเยอะมาก เราจะเก็บเงินชาวบ้านถูกๆ เพื่อให้มีโอกาสได้เข้ามาดู แต่ในส่วนที่ราคาแพงจะเป็นห้องในราคา 100,000-200,000 บาท ส่วนชาวบ้านเก็บแค่ 100 บาท เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ เราต้องการให้เกิดกระแสความเข้าใจเรื่องใหม่ๆ ให้คนไทยได้ทันสมัย ได้มีไอเดียที่จะคิดทำมาหากินในโอกาสต่อไป และก็จะมี Bangkok Fashion’s Week ควบคู่ไปกับการจัด F1 และจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ มาในช่วงนั้นด้วย เพราะฉะนั้นช่วงนั้นโรงแรมก็จะเต็มแน่นอน ไม่เหลือที่อยู่ด้วยซ้ำ เราจะจัดให้บูมอย่างนั้นเลย นี่คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้คุยกันและตกลงกันไว้ ซึ่งเข้าใจว่า Tomorrowland ได้เซ็นสัญญาแล้ว และ F1 ก็คุยกันเสร็จแล้ว ตอนนี้แฟชั่นวีคก็กำลังทำให้จบแน่นอนว่า แฟชั่นวีคเราต้องไปขอพระราชทานแนวไอเดียจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เรามีไอเดียว่าควรจะมี แต่อย่างไรก็ต้องไปทูลถามท่าน


ส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีคนบอกว่าสนับสนุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่ต้องไม่มีกาสิโน ตนถามว่า “ใครจะลงทุน ซิโนไทยลงทุนไหม ไม่น่าจะลงทุนนะ” เพราะฉะนั้นวันนี้ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หมายถึงจุดศูนย์รวมการท่องเที่ยวทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น อาจจะมีสกีสโลป ไม่ต้องไปสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เล่นสกีในห้องแอร์ แบบนี้คนไทยก็ร้องโอ้โห เพราะไม่เคยเห็นหิมะ ก็ขอมาดูหน่อย มันก็เป็นอะไรที่เป็นประโยชน์แน่นอน ถ้าเก็บแพงก็ไม่มีคนเข้า ก็เก็บราคาถูกแล้วไปอาศัยกำไรกับกาสิโน ซึ่งกาสิโนไม่ใช่ใครที่ไหนก็เดินเข้าได้ เพราะมีระบบที่เรียกว่า Know Your Customer หรือ KYC ใครที่เป็นลูกค้าแต่ไม่มีแหล่งที่มาของรายได้ เขาก็ไม่ให้เข้า อย่างตนเข้าไปเขาก็ไม่ให้เข้า เพราะเป็นนักการเมืองเข้าไม่ได้ ตนไปที่สิงคโปร์ เขาก็ไม่ให้ตนเข้า และบอกว่าเป็นนักการเมืองที่เป็นที่รู้จัก จึงไม่สามารถเข้าได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะมาว่ามอมเมา ยังไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาพูด ผู้ที่รู้น้อยพูดมากนี่น่ารำคาญ วันนี้สิ่งเหล่านี้ก็เดินหน้าต่อไป

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากเห็นรัฐบาลนี้ทำก็คือ Innovation Sandbox เรามีหมอเก่งเยอะ แต่การวิจัยและพัฒนา หรือ R&D เราอ่อนในทุกๆ มิติ เรามีเงินแต่ใช้เงินผิดประเภท ไม่รู้ไป R&D เรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ วันนี้นวัตกรรมตนอยากหาที่ทำ Sandbox ที่ผ่านกฎหมายระเบียบปัจจุบันเพื่อมาทดลอง เช่น gene therapy เป็นเรื่องที่มาแรง อย่างในตะวันออกกลาง กังวลว่าเวลาแต่งงานกันจะมีปัญหาเรื่องของยีนส์ จึงอยากจะไปดึงดีเอ็นเอส่วนที่ไม่แข็งแรงและไม่ปกติออก เพราะสามารถทำได้ พร้อมยกตัวอย่าง นายอีลอน มัสก์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่ไปเลือกคนที่เก่งและหัวดีมาทำลูกเยอะมาก ซึ่งทุกวันนี้โลกเริ่มเป็นอย่างนี้แล้ว เพราะฉะนั้น การรักษาหรือการพัฒนาคนด้วยยีนส์เกิดขึ้นแล้ว ถามว่ายากหรือไม่ ไม่ยาก แต่ต้องทดลอง หมอเราเก่งไหมเก่ง เพราะฉะนั้น เราต้องเปิด Innovation Sandbox รวมทั้งเรื่องของ Stem cells ซึ่งมีสองส่วน จึงเป็นเรื่องที่ควรทดลองได้แล้ว ไม่งั้นไม่ทันเขา เพราะวันนี้ Stem cells คนไทยลองไปเยอะแล้ว เหมือนถ้าถามว่า คนไทยมีบ่อนหรือไม่ บอกว่าไม่มี ทั้งที่มีเต็มเมือง วันนี้เราต้องยอมรับความจริง เอาความจริงขึ้นมาบนโต๊ะ จะได้ควบคุมได้ถูกต้อง

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า อีกไม่นานภายใน 2-3 เดือน เราจะมีการทำ Sandbox ทั่วประเทศ เพราะทางธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความร่วมมือเรื่อง E-money ก็จะทำให้ไทยมีคริปโตดังๆ ของโลก สามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศไทยได้ อย่างสายการบิน Emirates วันนี้ประกาศขายตั๋วด้วย Bitcoins ซึ่งคนที่ถือเงินดังกล่าวคือคนรวยทั้งหมด จากจนก็รวย เพราะราคาขึ้นมาดีเหลือเกิน ฉะนั้นวันนี้ต้นทุนพวกนี้ต่ำจนมีความรู้สึกอยากใช้เงิน หากสกุลเงินแบบนี้เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าก็จะมีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยมากขึ้น สมมติว่า หากนำบิทคอยน์ 500,000 บาทไปซื้อของในห้างฯ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที เพราะมีระบบ network จึงไม่มีความเสี่ยง ซึ่งคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในปีนี้

และวันนี้ทั่วโลกมีการพูดเรื่อง Golden Visa คือให้วีซ่ากับคนต่างชาติในระยะยาว 10 ปี แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการฝากเงินและลงทุน พอครบ 5 ปีแล้วเช็กประวัติดู ไม่เคยก่ออาชญากรรม มีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ก็มีสิทธิที่จะขอเป็นประชาชนคนไทย และพอได้ Golden Visa ก็ให้สิทธิซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการก่อสร้างเติบโต ขณะเดียวกันก็สร้างรายได้เกือบเท่ากับ GDP ของประเทศ ฉะนั้นหากเราได้เงินมาแบบนี้ก็จะเอาไปเป็นสวัสดิการของประชาชน อันจะส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้น และหนี้ประเทศลดลง การจับจ่ายใช้สอยก็จะมีเงินใหม่เข้ามา ซึ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทย เพราะเราต้องการเพิ่มคนเสียภาษี เนื่องจากปัจจุบันมีคนเสียภาษีแค่ 4 ล้านกว่าคน จากประชากรกว่า 70 ล้านคน นอกนั้นรัฐบาลเก็บจากภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นหากเรามีชาวต่างชาติที่มีฐานะเข้ามาในประเทศ ก็จะมาช่วยเสียภาษีให้ประเทศไทย ขณะเดียวกัน ชาวต่างชาติเขาก็อยากมี Golden Visa เพราะประเทศไทยมีการบริการที่ดี ดังนั้น วันนี้รัฐบาลต้องจริงจังว่าจะกำหนดกรอบอย่างไร และจะเก็บเงินอย่างไร นี่คือสิ่งที่จะทำให้เงินสะพัด ประเทศไทยวันนี้ไม่มีระบบเจ้าภาพ ฉะนั้นเราต้องสร้างระบบเจ้าภาพ แล้วต้องทำให้เป็นดิจิทัล หรือ Digitalize ระบบราชการ เพื่อให้เกิดการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ของกระทรวง แต่ไม่ใช่แบบเดียวกับกระทรวงแรงงานที่ผ่านมา ที่ลงทะเบียนระบบแรงงานต่างด้าวดีมาก แต่คลิกไม่ได้เสียที ต้องจ่าย 2,500 บาทก่อน ถ้าใต้โต๊ะไม่มาคลิกไม่ได้ อันนี้ไม่ดี และหากระบบดี แต่พฤติกรรมไม่ดี ก็ต้องแก้ไขพฤติกรรมด้วย.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]