กรุงเทพฯ 25 ก.ย. – เผยกำลังจะมี พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่เพื่อช่วยให้รัฐจัดเก็บภาษีและนำเงินส่งรัฐได้มากขึ้น ส่วนการสอบสวนคดี’ติ่งเกาหลี’ข้าราชการทำผิด 1 คน กำลังตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษ
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกรมศุลกากรประจำปีงบประมาณ 2561 ว่า กรมศุลกากรกำลังจะมี พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่ซึ่งแต่เดิมหากมีการจับกุมสินค้ามูลค่า 100 ล้านบาท กฎหมายเก่าระบุว่าจะเข้านำเงินส่งเข้ารัฐ 45 ล้านบาท,มอบให้ผู้แจ้งเบาะแส 30 ล้านบาทและมอบให้ข้าราชการกรมศุลกากรที่เข้าจับกุม 25 ล้านบาท แต่สำหรับกฎหมายฉบับใหม่นี้หากสินค้าผิดกฎหมายมีมูลค่า 100 ล้านบาท จะส่งเข้ารัฐ 90 ล้านบาทและมอบให้ผู้แจ้งเบาะแส 10 ล้านบาทซึ่งการดำเนินคดีจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีแต่หากพบเบาะแสใหม่สามารถขยายเวลาไปได้อีก 2 ปีและ 5 ปีตามลำดับ ส่วนในเรื่องของการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรจะต้องจำหน่ายภายใน 30 วันและให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน 180 วัน
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์หรือ อีคอมเมิร์ซ ด้วยว่า ปัจจุบันมีพัสดุภัณฑ์ที่สั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรไทยวันละมากกว่า 1 แสนชิ้น กฎหมายเก่าระบุว่าหากสินค้ามีมูลค่าไม่เกิน 1,5000 บาทไม่ต้องเสียภาษี แต่หากเกิน 1,500 บาทจะต้องเสียภาษีซึ่งที่ผ่านมาจะมีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยระบุว่าเป็นสินค้าราคาถูกทั้งๆที่เป็นสินค้าแบรนด์เนม เช่น กระเป๋าที่มีราคาแพงเป็นต้น แต่กฎหมายใหม่หลังจากนี้ไป จะมีการคัดกรองอย่างเข้มงวดโดยใช้เครื่องมือตรวจที่ทันสมัย ทั้งนี้การสำแดงราคาสินค้าต่ำ จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนจะเป็นสินค้าใดบ้าง จะต้องมีการตรวจสอบและฟังเสียงจากทุกฝ่าย
นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร กล่าวถึงความคืบหน้าการลงโทษทางวินัยแก่ข้าราชการกรมศุลกากรที่พา’ติ่งเกาหลี’เข้าไปในเขตหวงห้ามของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยภายในสนามบินสุวรรณภูมิด้วยว่า ขณะนี้สอบสวนพบข้าราชการกรมศุลกากรมีความผิด 1 คน กำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนทางวินัยว่ามีความร้ายแรงแค่ไหน อย่างไรซึ่งการลงโทษจะมีตั้งแต่การภาคฑัณฑ์,ตัดเงินเดือนและไล่ออกซึ่งขณะนี้กำลังแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ – สำนักข่าวไทย