“สมคิด” ฝากการบ้านกระทรวงดีอี

กระทรวงดีอี 24 ก.ย. – “สมคิด” สั่งงานกระทรวงดีอี ขันน็อต  5 เดือนก่อนเลือกตั้ง สั่งผู้บริหารทีโอที-กสทฯ-ไปรษณีย์ไทย ปรับแนวทางเชิงธุรกิจแบบอาลีบาบา ติดตั้งเน็ตประชารัฐแบบเคลื่อนที่ ผลักดันกฎหมายค้างใน สนช. เร่งหาผู้ร่วมทุนดิจิทัลพาร์ค และ EECi  หนุนไทยแลนด์ไซเบอร์พอร์ตเป็นรูปธรรม 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  มอบนโยบายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญผู้บริหารของค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ  เข้าร่วมประชุม เพื่อเร่งรัดงานในช่วงเวลา 5 เดือนจากนี้จนถึงการเลือกตั้ง จึงขอให้กระทรวงดีอีขับเคลื่อนการทำงานให้มีผลออกมามากที่สุด จึงขอให้ดำเนินการ 6 ด้านสำคัญ  คือ 1.ให้ผู้บริหาร บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือทีโอที บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปลี่ยนแนวทางการทำงานใหม่ออกมาเป็นเชิงธุรกิจแบบอาลีบาบารองรับการควบรวมกิจการทั้ง 2องค์กร 

2.ศึกษาราคาอินเทอร์เน็ตถูกกว่าเดิม รองรับเน็ตประชารัฐลงไปตามหมู่บ้าน ไม่ใช่มีอยู่แค่จุดเดียวในหมู่บ้าน ต้องสามารถใช้มือถือเคลื่อนที่ไปต่อเชื่อมในจุดอื่นได้ด้วย ต้องมีประสิทธิภาพและความเร็ว  เพื่อสร้างการรับรู้เน็ตประชารัฐให้กับประชาชน 1 ล้านคน  ต้องทำได้จริงและมีวิธีการอย่างไรเช่นร่วมกับกูเกิล หัวเว่ย เสี่ยวมี่ หรือมหาวิทยาลัย ในการใช้วิธีการแบบใด ขณะเดียวกันขอความร่วมมือค่ายมือถือหาวิธีการ เช่นจัดทำแอพพลิเคชั่นช่วยทำให้เด็กต่างจังหวัดสามารถใช้ระบบออนไลน์ เพื่อการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์


3.เร่งลงทุนขยายความจุของเคเบิ้ลใต้น้ำ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน อย่างรวดเร็ว ได้แก่ ขยายวงจรเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน 2,300 GB และขยายความจุเคเบิ้ลใต้น้ำ 1,770 GB ตลอดจนร่วมลงทุนในระบบใหม่ตามแผนที่กำหนดไว้ปี 2561 และ 2562  4.สั่งการให้นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีกระทรวงดีอี เร่งติดตามความคืบหน้าร่างกฎหมาย 7 ฉบับของกระทรวงดีอี จากคณะกรรมการกฤษฎีกา ติดตามงานจากทุกฝ่ายเพื่อให้กฎหมายออกมาให้ได้ไม่ใช่รอจนเลือกตั้ง เพราะมีเวลา 5-6 เดือน 

5. เร่งจัดหาผู้มาร่วมลงทุนในดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์  และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ให้ได้มากที่สุด ก่อนการเลือกตั้ง โดยให้กำหนดเป้าหมายแต่ละประเทศให้ชัดเจนว่าต้องการจะไปดึงบริษัท มหาวิทยาลัย หรือสถาบันต่าง ๆ เข้าร่วม ทั้งจีน ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ โดยเฉพาะประเทศเยอรมนีที่นายกรัฐมนตรีกำหนดเดินทางไปเยือนปลายเดือนตุลาคมนี้ออกมาให้ชัดเจน รวมทั้งให้เร่งผลักดันให้เกิดไทยแลนด์ ไซเบอร์ พอร์ต ให้ได้ โดยเฉพาะการร่วมกับไซเบอร์ พอร์ต ของฮ่องกง เพื่อให้เกิดสตาร์ทอัพ และนำภาคการผลิต ทั้งการการเกษตรและการท่องเที่ยวมาใช้ประโยชน์ตรงนี้ 

6.การสร้างให้เกิดบิ๊ก ดาต้า  ที่กระทรวงดีอี ต้องเข้าไปช่วยกระทรวงต่าง ๆ ดูวิธีการทำ เพราะขณะนี้ภาคเอกชนไปไกลแล้วทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรู โดยเฉพาะทรู จะทำธุรกิจธนาคารแล้ว ซึ่งทำไม่ได้เลยหากไม่มีบิ๊กดาต้า เช่นเดียวกับอาลีบาบาที่จะทำธนาคาเช่นกัน ขณะที่ประเทศไทยยังไม่รู้จะทำอย่างไร เช่นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ มีข้อมูลจำนวนมาก หากทำเป็นบิ๊กดาต้าสามารถนำไปขายได้มูลค่ามหาศาล แต่ปัญหา คือ ยังไม่มี หรือกระทรวงดีอีอาจเลือกเข้าไปช่วยในบางหน่วยงานก่อน  เพราะตราบใดที่บิ๊กดาต้ายังไม่เสร็จปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) จะไม่มีความหมายในเรื่องนี้ ถ้าทำต่อเนื่องไปสัก 2 ปี ประเทศไทยก้าวไปได้ไกลมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก