ศาลปกครอง 24 ก.ย.- ญาติ “ปู่คออี้” พร้อม 6 ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน เข้ารับเงินชดใช้จากกรมอุทยานฯ แล้ว หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่า การบุกรื้อและเผาทำลายบ้านเรือนชาวกะเหรี่ยง เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองว่า วันนี้ (24 ก.ย.) เวลา 10.30 น. นายสุรพงษ์ กองจันทึก หัวหน้าคณะทำงานสภาทนายความ นำชาวกะเหรี่ยง 6 คน มายื่นรับเงิน หลังศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องทั้ง 6 ราย ในคดีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เข้าดำเนินการรื้อถอนเผาทำลายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้อยู่อาศัยของนายโคอิกับพวก แม้จะมีกฎหมายให้อำนาจไว้ก็ตาม แต่การเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สิน ทำให้นายโคอิ หรือ ปู่คออี้ มีมิ และพวก ต้องสูญเสียปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ถือเป็นพฤติการณ์ที่มีความร้ายแรงกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิในการดำรงชีวิต และสิทธิในทรัพย์สินอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลานชายของปู่คออี้ ชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ เดินทางมารับเงินแทน เนื่องจากปัจจุบันปู่คออี้ มีอายุมากถึง 107 ปี เดินทางไม่ไหว พร้อมกล่าวในเรื่องคดีปู่คออี้ ว่า ทราบผลการตัดสิน แต่เห็นว่าที่อยู่ในปัจจุบันที่เจ้าหน้าที่ให้อยู่ ไม่ได้สมกับเงิน จริงๆ อยากกลับไปอยู่ที่เดิมมากกว่า
สำหรับคดีดังกล่าวฟ้องร้องมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 และศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาไป เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ปู่คออี้และพวก เฉลี่ยรายละประมาณ 50,000 บาท รวมแล้วกว่า 300,000 บาท อย่างไรก็ตาม ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ ยอมรับว่า อยากกลับไปอยู่ในพื้นที่ที่เคยปลูกบ้านอยู่เดิมมากกว่า พื้นที่ใหม่ที่ถูกจัดสรรให้ หลังจากโดนเผา และการเดินทางมาขึ้นศาลแต่ละครั้ง ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกินกว่า 50,000 บาทที่ได้รับชดเชยในครั้งนี้ .- สำนักข่าวไทย