คนพิการวอนแก้ปัญหาโกงเงินพิการจริงจัง อย่าคุกคาม

ดีเอสไอ 19 ก.ย.-ตัวแทนคนพิการวอนเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาโกงเงินคนพิการทั้งระบบ ชี้หากตรวจสอบจริง ไม่เกิน1เดือนรู้ผลและขอให้หยุดข่มขู่คุกคาม ขู่หากบานปลายอาจใช้สิทธิฟ้องสหประชาชาติคุ้มครองตามหลักสากล


นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ แถลงข่าวหลังจากยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินการสอบสวนกรณีการโกงเงินคนพิการ การละเมิดสิทธิคนพิการ รวมทั้งขอการคุ้มครองพยาน  โดยเปิดเผยว่า จากการสำรวจจำนวนผู้พิการทั่วประเทศมีกว่า 1,000,000 คน มีการลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และสถานประกอบการเพื่อหางานทำจำนวน 65,000 คน ซึ่งตามมาตรา 33 มีการจ้างงานคนพิการ 25,000 คน แต่ทำงานจริงจำนวน 20,000 คน  ไม่ได้ทำงานจริง 5,000 คน คิดเป็นความเสียหายส่วนนี้ประมาณ 500 ล้านบาท


ส่วนการหักเงินสมทบ ตามมาตรา 34 ซึ่งบริษัทระบุว่า จะต้องมีการส่งเงินเข้ากองทุนคนพิการ 12,000 ล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริง มีการจ้างงานคนพิการเพียง 15,000 ราย ซึ่งควรจะมีเงินเข้ากองทุนปีละ 1,500 ล้านบาท 

ส่วนมาตรา 35  เป็นเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมทั้งการฝึกอบรมจากสมาคมและมูลนิธิคนพิการ มีการแจ้งจำนวน 25,000 คนแต่ข้อเท็จจริงมีเพียง 15,000 คน ซึ่งรวมความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 รวมเป็นวงเงิน  มากกว่า 1,500ล้านบาท


ส่วนกรณีที่กระทรวง พม.แถลงว่า ไม่มีการร้องเรียนเรื่องการถูกหักค่าหัวคิวนั้น ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่สาเหตุที่คนพิการไม่มีการร้องเรียน เนื่องจากคนพิการมีความหวาดกลัว ความไม่ปลอดภัยเพราะแม้แต่ตนเองออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ยังถูกคุกคาม  และส่วนใหญ่ไม่ทราบสิทธิของตัวเอง 

ทั้งที่ความจริงมีการทุจริตในเรื่องนี้ชัดเจน โดยยกตัวอย่างกรณี กรณีการจ้างคนพิการของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งแจ้งว่าบริษัทรับคนพิการคนหนึ่งเข้าทำงาน ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2559  สัญญาสิ้นสุด 29 พฤศจิกายน 2559 โดยผู้พิการรายนี้ได้ลาออก แต่จากการตรวจสอบพบว่าผู้พิการคนนี้ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยไม่ได้ทำงานจริง แต่ได้รับเงินเดือนจากผู้นำคนพิการเดือนละ 7,000บาท ส่วนอีก 2,000 บาท ถูกหักเป็นค่าหัวคิว และกรณีที่จังหวัดเพชรบูรณ์มีการประกาศรับคนพิการเข้าทำงานในตำบลหนึ่งจำนวน 100 คน เมื่อไปสมัคร หลังจากนั้นได้รับบัตรพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งพร้อมเงิน500บาท  โดยไม่ได้มีการทำงานจริง ทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ 

นายปรีดา กล่าวด้วยว่า ขณะได้รวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และจะทยอยเปิดเผยไปเรื่อยๆ จนกว่าปัญหาจะถูกแก้ไข แต่ ถ้าหากเรื่องลุกลามบานปลายอาจจะถึงระดับนานาชาติเพราะคนพิการมีกฎหมายคุ้มครองตามหลักสากล ดังนั้น วอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่าข่มขู่คุกคาม เพราะที่ผ่านมามีความพยายามคุกคามในหลายรูปแบบ    ทั้งโทรมาข่มขู่ หรือปลอมตัวเป็นผู้สื่อข่าวโทรมาให้บอกข้อมูลที่เป็นความลับต่างๆ แต่ขอให้กลับไปแก้ปัญหา  โดยมองว่าถ้าแก้ปัญหาจริงจังใช้เวลาไม่น่าเกิน 1 เดือนในการตรวจสอบเนื่องจากรายชื่อคนพิการทั้งหมดเข้าไปอยู่ในระบบสามารถตรวจสอบได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย