ดีเอสไอ19 ก.ย.-เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการร้องดีเอสไอเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนพิการและขอคุ้มครองพยานหลังถูกข่มขู่คุกคาม
เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ พร้อมคนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่ถูกละเมิดสิทธิ ยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อ ขอให้รับกรณีดำเนินคดีการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ เป็นคดีพิเศษและขอให้มีการดูแลคุ้มครองพยาน
นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ กล่าวว่า เนื่องจากเรื่องนี้มีความซับซ้อนและต้องใช้ความพยายามในการรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อเปิดโปงให้เห็นถึงขบวนการมาเฟียคนพิการ ที่มีการละเมิดสิทธิคนพิการหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการจ้างงานตามมาตรา 33 ที่ให้สถานประกอบการที่มีพนักงานในสัดส่วน100 คน ต้องรับคนพิการเข้าทำงาน 1 คน หรือต้องส่งเสริมอาชีพให้คนพิการหรือจ่ายเงินเข้ากองทุนคนพิการ ซึ่งแม้จะมีการจ้างงานคนพิการจริง แต่ปรากฏว่าตัวเลขการจ้างงานไม่ตรงกับสิทธิของคนพิการ
โดยข้อเท็จจริงพบว่าสถานประกอบการจำนวนมากจ่ายค่าหัวคิวให้กับขบวนการนี้ แต่ไม่มีคนพิการเข้าทำงาน ทั้งที่สถานประกอบการควรจะจ่ายเงินเข้ากองทุนคนพิการ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่รัฐรับทราบเรื่องแต่ไม่ดำเนินการตรวจสอบ จนทำให้คนพิการถูกละเมิดสิทธินับล้านคนทั่วประเทศ และมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่าปีละ1,500ล้านบาท โดยสาเหตุที่ต้องออกมาเปิดโปงในเรื่องนี้นอกจากเนื่องจากถูกละเมิดสิทธิ์แล้ว เพื่อต้อง การให้หน่วยงานอื่นๆร่วมตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกมาแถลงข่าวว่าไม่มีการทุจริตนั้น ตนเห็นว่า พม.แถลงเร็วเกินไปควร ที่จะตรวจสอบก่อน เช่นเดียวกับกระทรวงแรงงาน และจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่เชื่อว่าไม่มีการทุจริต แต่ยอมรับว่า จำนวนคนพิการที่มาร้องเรียนมีจำนวนน้อย ซึ่งที่มาร้องเรียนผ่านตนเองก็มีไม่ถึง 50 คน เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมา และไม่ทราบสิทธิของตัวเอง
อย่างไรก็ตามในส่วนของตนนั้น หลังจากออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็ ถูกข่มขู่และรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าจะมีหน่วยงานใดสามารถช่วยเหลือได้บ้าง แต่จะเดินหน้าร้องเรียนกับทุกหน่วยงาน ซึ่งตอนนี้มีเอกสารเปิดโปงนับพันหน้าและจะทยอยเปิดเผยต่อไป.-สำนักข่าวไทย