นายกฯ ย้ำก่อน-หลังการเลือกตั้ง ต้องสงบ

มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 17 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่ จ.เลย เปิดถนน 4 เลน เลย-เชียงคาน มอบหนังสือโครงการป่าชุมชน ระบุก่อน-หลังเลือกตั้งต้องสงบ เปรียบกำลังก่อสร้างปราสาทและประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง ไม่ให้ใครมาทำลาย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางลงพื้นที่หอประชุมทองวิไล มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย จังหวัดเลย เป็นประธานในพิธีเปิดถนน 4 เลน หมายเลข 201 เลย-เชียงคาน เพื่อช่วยลดความแออัด รองรับปริมาณการจราจรและการเดินทางของประชาชนในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขนส่ง จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน ให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้รู้สึกเต็มตื้น ไม่ได้มาเพื่อให้ใครรักตน แต่จากที่ฟังเพลงสร้างไทยไปด้วยกัน ที่นักเรียนและนักศึกษาร้องให้ฟัง มีความหมายดี หมายถึงพวกเราทุกคน ซึ่งแม้ใครไม่รัก แต่ตนก็จะรัก เพราะเป็นหน้าที่ของตน และใครก็ตามที่มาทำการเมือง ซึ่งวันนี้ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลอยู่ และรอคอยรัฐบาลใหม่ ที่เข้ามาทำหน้าที่ในวันข้างหน้า โดยต้องเข้ามาดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง


“รัฐบาลชุดนี้พยายามทำเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มจังหวัดไปข้างหน้า จึงขอให้ทุกคนเรียนรู้และฟังในสิ่งที่รัฐบาลพูด ซึ่งในอดีตมีความเหลื่อมล้ำมาก เช่น ถนนหนทางต่าง ๆ สนามบินที่ต้องปรับปรุง เพราะหากดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องทำอะไรมาก ดังนั้นหลายอย่างต้องใช้เวลา ส่วนโครงการไทยนิยมฯ จะลงไปถึงทุกหมู่บ้าน เพราะหากสนับสนุนเป็นบางคนบางกลุ่ม หรือบางพวก ก็จะขัดแย้งกันแบบเดิม ทั้งนี้จะต้องปลดล็อคประตู โดยปรับตัวเองให้ได้ สร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ และต้องไปด้วยกันทุกคน หากบอกว่ารักลุงตู่ ก็ต้องช่วยกัน แค่นี้ก็มีกำลังใจแล้ว เมื่อได้เจอกับประชาชน ซึ่งผมก็มีความเป็นมนุษย์ บางครั้งมีกำลังใจและบางครั้งก็รู้สึกท้อแท้ แต่ก็ท้อแท้ไม่ได้ หากท้อแท้ก็จะนึกถึงหน้าประชาชนทั้งประเทศ และย้ำว่ารัฐบาลกำลังทำสิ่งที่ดีกว่าเดิม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น ทั้งอดีตนักการเมืองและอดีตรัฐบาล แต่ต้องการให้ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และไม่จำเป็นต้องไปไล่ล่า หรือฆ่าฟันใครทั้งสิ้น อยากให้มองว่าที่ผ่านมาแตกต่างกับวันนี้อย่างไร ซึ่งวันนี้มีรอยยิ้มกันมากขึ้น จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันและช่วยประชาชนทุกจังหวัด เพราะคือประเทศไทย 

“ดังนั้นทุกรัฐบาล ต้องดูแลทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง ขอฝากประชาชนอย่าหลงเชื่อว่าใครสัญญาว่าจะให้อะไร ต้องดูกฎหมายทำได้หรือไม่ และจะนำเงินงบประมาณจากไหน เพราะวันนี้มีกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ที่รัฐบาลต้องระมัดระวัง ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก ยังมีเงินสำรองมหาศาล และไทยไม่ใช่ประเทศที่มีหนี้สาธารณะเกิน 60% แต่ทำอะไรต้องอยู่ในกรอบ ไม่ทำให้งบประมาณการเงินการคลังเสียหาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยประกอบไปด้วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งชาติหมายถึงคนและแผ่นดิน ชาติใดจะเจริญได้ต้องพัฒนาทั้งคนและแผ่นดิน ขณะเดียวกันประเทศไทยมีหลายศาสนาที่อยู่ร่วมกัน ดังนั้นอย่าให้ใครสร้างความขัดแย้งหรือแบ่งแยกพื้นที่ ต้องรวมพลังทั้งแผ่นดินหลอมรวมความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว และลืมข้อบาดหมางในอดีตที่ผ่านมาให้ได้

“ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นการเขียนแผนวางอนาคตเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่ใช่รัฐบาลจะรักษาอำนาจไว้ 20 ปี ใครจะอยู่ยังไม่รู้ หมดหน้าที่ก็คือหมด วันหน้าใครจะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าลุงตู่ ลุงเต่อ หรือใครก็แล้วแต่ ผมพูดในฐานะเป็นรัฐบาลในวันนี้ที่ต้องการสร้างความปรองดอง ความสงบ และสันติในชาติในช่วงการเลือกตั้ง ดังนั้น ไม่ว่าก่อนหรือหลังการเลือกตั้งต้องสงบแบบนี้ หรือใครไม่ต้องการใคร ต้องการให้ตีกันอีก ให้ร้ายกันไปมา ผมไม่ก้าวล่วงใคร เว้นแต่ชี้แจงที่มีหลายคนก้าวล่วงรัฐบาล เพราะผมไม่ใช่นักการเมือง ตอนนี้ผมทำหน้าที่งานการเมืองให้ท่าน ทำให้คนทั้งประเทศ ไม่ใช่ทำให้คนที่ชอบผม แล้วไม่ทำให้คนที่ไม่ชอบ แต่ผมทำให้ทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ขอฝากท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ให้เกิดความวุ่นวายแบบเดิม ไม่ใช่รัฐบาลไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง แต่ขึ้นอยู่ที่ทุกคน และรัฐบาลมีหน้าที่ดูแล ไม่ได้อยากใช้กฎหมาย พร้อมขออย่าฟังสิ่งที่บิดเบือน 

“วันนี้กำลังก่อสร้างปราสาท สร้างบ้าน สร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง ไม่ให้ใครมาทำลาย ให้ช่วยเติมอิฐ ปูน ทรายเข้าไป แล้วเชื่อมด้วยน้ำใจของพวกเรา ผสมไปด้วยความทุ่มเทของทุกคน จะทำให้ปราสาทหลังนั้น บ้านเมืองของเราเข้มแข็ง ไม่ให้พังลง ไม่ให้ใครมาเคาะฐานรากที่เป็นแกนหลักของประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่พบปะประชาชนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย โดยนางเปล่งมณี ระบุว่า ตนมาในนามประธานสภาสตรีจังหวัดเลย ไม่มีเรื่องการเมือง และไม่ขอพูดเรื่องการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคใด ส่วนจะตัดสินใจไปร่วมกับกลุ่มสามมิตร หรือพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ในขณะนี้

ขณะเดียวกันในพื้นที่จัดงาน ได้มีการสำรองที่นั่ง ติดป้ายชื่อนายธนเทพและนางนันทนา ทิมสุวรรณ , นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข และนายวันชัย บุษบา อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ไว้โซนแถวหน้าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางเปล่งมณี ระบุว่า คนอื่น ๆ ไม่ได้เดินทางมาต้อนรับนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชน ได้ชี้ไปที่นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข พร้อมกล่าวว่า “ใช่หรือไม่คุณเร่งสมบูรณ์สุข ดีหรือเปล่านะแบบนี้ ขอให้มาช่วยกันก็แล้วกัน ก็ทำงานให้ดี จะช่วยใคร ผมไม่รู้ ขอให้ช่วยประชาชนในลักษณะที่ไปด้วยกันทั้งจังหวัด เพราะทั้งหมดคือประเทศไทย” 

ทั้งนี้ก่อนเดินทางไป อ.เชียงคาน นายกรัฐมนตรี ได้ถ่ายรูปกับกลุ่มสตรีที่นางเปล่งมณี มาให้การต้อนรับ

สำหรับบรรยากาศในหอประชุมทองวิไล มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย นักเรียนจากโรงเรียนเลยพิทยาคม นำภาพวาดของเพื่อนที่ติดสอบ ไม่สามารถมาได้ มอบให้กับนายกรัฐมนตรี โดยเด็กนักเรียนทั้ง 2 คนได้ขอกอดนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กอดตอบ ก่อนที่จะเดินทักทายประชาชนและยี่ยมชมผลิตภัณฑ์โอทอปของดีชุมชนจังหวัดเลย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย