เชียงราย 16 ก.ย. – ธนารักษ์เดินหน้าบ้านคนไทยประชารัฐ 8 โครงการในหัวเมืองใหญ่ รองรับผู้ถือบัตรสวัสดิการ เตรียมเปิดยื่นซองโครงการเชียงราย ชาวบ้านสนใจจองแน่น เปิดทางผ่อนดาวน์ 2,000 บาทต่อเดือน
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงพื้นที่ตรวจโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ จังหวัดเชียงราย หลังจากกำหนดพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี ลำปาง และนครพนม รวมกว่า 2,000 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,422 ล้านบาท เพื่อนำพื้นที่ทำเลดี ใจกลางเมืองมาจัดทำโครงการอยู่อาศัยให้กับชาวบ้านผู้มีรายได้น้อย หลังจากเปิดโครงการบ้านคนไทยให้ชาวบ้านจองสิทธิ์ไปแล้วจังหวัดชลบุรี กรมธนารักษ์จึงทยอยเตรียมเปิดโครงการอาคารชุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พื้นที่ 3.3 ไร่ จำนวน 350 ยูนิต ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไหลผ่านตัวเมือง ขณะนี้มีเอกชน 7 รายเสนอประมูล เปิดยื่นซองวันที่ 20 กันยายนนี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี ล่าสุดมีชาวบ้านสนใจมาลงทะเบียนจองแล้วกว่า 600 ราย จากนั้นปี 2562 กรมธนารักษ์เตรียมเปิดประมูลโครงการบ้านคนไทยประชารัฐเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ ลำปาง และนครพนม ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่
นายพชร กล่าวว่า กำหนดสิทธิ์การจองที่อยู่อาศัย 3 กลุ่ม คือ ผู้มีรายได้น้อยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือน และประชาชนทั่วไป โดยจะเน้นกลุ่มถือบัตรสวัสดิการฯ ให้สิทธิ์จองเป็นกลุ่มแรก จองได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ที่พักอาศัย หากธนาคารพิจารณาปล่อยกู้ไม่ผ่านยังเปิดโอกาสให้ผ่อนดาวน์ เพื่อฝากเงินต่อเนื่องสร้างนิสัยการออม 2,000 บาทต่อเดือน หากผ่อนดาวน์ครบตามกำหนด จากนั้นจะนำข้อมูลไปเสนอธนาคารพิจารณาปล่อยกู้อีกครั้ง และเปิดโอกาสให้เปลี่ยนมือได้หลังจากครอบครอง 5 ปี เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยอยู่อาศัย แม้คนต่างจังหวัดยังสามารถมาลงทะเบียนสิทธิ์ที่เชียงรายได้ จึงคาดว่ารายได้จะผ่อนชำระได้ไม่มีปัญหา
นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า รูปแบบการสร้างบ้านอยู่อาศัย จัดทำ 3 รูปแบบ คือ บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารชุดพักอาศัย ขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร กำหนดราคาตั้งแต่ 350,000-700,000 บาทต่อหน่วย โดยผู้เข้าร่วมโครงการนั้น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน กรมธนารักษ์ จะร่วมกันพิจารณาผู้ได้รับสิทธิ์เข้าโครงการ และมีแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยและอาจไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารเปิดทางให้นำเงินฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคาร หรือการผ่อนดาวน์ เพื่อให้มีกำลังผ่อนชำระค่าเช่าอย่างน้อย 9 เดือน หรือตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อแสดงถึงวินัยการออมเงินและผ่อนชำระ และเมื่อผู้ได้รับสิทธิผ่าน Pre Approve กับธนาคารแล้วให้เงินฝากดังกล่าวเป็นเงินดาวน์ของผู้ประกอบการ แต่หากผู้ได้รับสิทธิ์ผิดเงื่อนไขผู้ประกอบการสามารถริบเงินฝากดังกล่าวได้
ขณะที่มาตรการสินเชื่อ ธอส.และธนาคารออมสิน พร้อมสนับสนุนวงเงินสินเชื่อสำหรับดำเนินโครงการดังกล่าว กรอบวงเงินปล่อยสินเชื่อโครงการ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเพี่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปี 1-3 ร้อยละ 3 ต่อปี หลังจากนั้น MLR- ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ หรือบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1-4 ร้อยละ 2.75 ต่อปี หลังจากนั้นกรณีรายย่อย MRR-ร้อยละ 0.75 ต่อปี หรือกรณีสวัสดิการหักเงินเดือน MRR-ร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน หรืออัตราส่วนภาระผ่อนชำระหนี้รวมต่อรายได้สุทธิ ตามที่ธนาคารกำหนด การให้รายย่อยทดลองผ่านค่าเช่าแบบเช่าซื้อหรือผ่อนดาวน์จะช่วยสร้างนิสัยการออม เพื่อให้ธนาคารพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้.-สำนักข่าวไทย