Moody’s คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย

กรุงเทพฯ 30 เม.ย. – Moody’sงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับ Baa1 แต่ปรับลดมุมมองความน่าเชื่อถือ Negative Outlook แนะเศรษฐกิจไทยอ่อนไหวต่อ “ทรัมป์ 2.0” สบน.มั่นใจข้อเจราช่วยไทยผ่านพ้นวิกฤติได้


นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า Moody’s ประกาศ ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดยคงอันดับความน่าเชื่อถือ (Sovereign Credit Rating) ในระดับ Baa1 และปรับมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ที่ Negative Outlook เป็นการปรับมุมมองลดลงจากสาเหตุหลักมาจากปัจจัยความเสี่ยงภายนอก จากความไม่แน่นอนของนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จึงส่งผลกระทบต่อการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในระดับโลก และภูมิภาค รวมถึงส่งผลกระทบทางอ้อมมายังเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ารวมถึงประเทศไทย

นับเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาลไทย แม้จะยังไม่สามารถประเมินระยะเวลาและความรุนแรงได้อย่างชัดเจน แต่ความไม่แน่นอนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก ทำให้จีดีพีเติบโตในปี 68 จากเดิม 3.3% ลดเหลือ 2.8% หลายประเทศจึงถูกปรับมุมมองเป็น Negative Outlook รวมทั้งไทย Moody’s ยังมีความเห็นเกี่ยวกับฐานะการเงินต่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจไทย ดังนี้


1) ภาคการเงินต่างประเทศ ไทยยังมีทุนสำรองระหว่างประเทศแข็งแกร่ง (ณ มี.ค.68) กว่า 215,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 2) เสถียรภาพทางการเงินมีความแข็งแกร่ง มีเสถียรภาพ ควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง สามารถบริหารหนี้ให้อยู่ในระดับที่รับได้ แม้ว่าภาระหนี้สาธารณะ เพิ่มอย่างมาก ในช่วงโควิด-19 ประเทศไทยยังมีตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้มีความพร้อม รองรับการระดมทุนของภาครัฐและเอกชน ตลอดจนมีหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินบาท อายุเฉลี่ยของหนี้ระยะยาว ถือเป็นโครงสร้างหนี้เอื้อต่อการบริหารจัดการภาระหนี้

3) ภาวะเศรษฐกิจไทย มีการเติบโตของเศรษฐกิจช้ากว่าประเทศในกลุ่มอันดับความน่าเชื่อถือเดียวกัน (Peers) นับตั้งแต่ปัญหา Covid-19 เศรษฐกิจไทยยังอ่อนไหวต่อการรองรับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สามารถคาดการณ์ได้ (Economic Shock) อาทิ การจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) อาจส่งทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนในระดับสูง

4) ภาคการคลัง แม้รัฐบาลไทย ดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่องเพื่อ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่การประกาศเพิ่มภาษีศุลกากร และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กระทบต่อการค้าโลก บั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจโดยตรงของไทย อาจทำให้การทำงบสมดุลล่าช้า กว่าที่คาดการณ์ไว้ 5) ความท้าทายเชิงโครงสร้าง (Structural Challenges): ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเติบโตของผลิตภาพการผลิต อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอย้ำว่า แนวทางการรองรับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของ “ทรัมป์” ไทยกำลังเตรียมการเจรจาเพื่อรองรับต่อมาตรการดังกล่าว อาจส่งผลกระทบทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว อาทิ การลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกา จึงต้องกำหนดมาตรฐานของสินค้าและควบคุมการสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้า ตลอดจนเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

เศรษฐกิจไทยมีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ของทรัมป์ ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง คาดว่ารัฐบาลจัดเก็บรายได้ภาษีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้แผนการเข้าสู่สมดุลทางการคลัง มีความล่าช้า แต่เมื่อไทยมีธรรมาภิบาลที่มีความแข็งแกร่ง มีความสามารถดำเนินนโยบายการเงินและการคลังอย่างรอบคอบ มีการบริหารจัดการหนี้สาธารณะอย่างมีวินัย สะท้อนจากหนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลเงินบาท ทำให้ไม่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ด้านภาคการลงทุน: ประเทศไทยยังรองรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2567 มูลค่ากว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังมีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด้านคมนาคม สาธารณูปโภค และพลังงานครอบคลุมทั่วประเทศ เช่น การลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภาคการท่องเที่ยวยังมีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 1 ของปี 68 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวส่งผลกระทบระยะสั้นต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวคาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปี 68

สบน.ในนามกระทรวงการคลังขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคอย่างรอบคอบ ได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีแผนการปฏิรูปโครงสร้างรายได้ภาครัฐ และแผนเข้าสู่สมดุลทางการคลัง ระยะปานกลาง กำลังถูกเร่งดำเนินการ ทำให้การปรับมุมมอง Outlook ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคหรือเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ สบน.พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการที่เหมาะสมรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ.-515- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ระทึกไล่ยิงเหมือนในหนัง รัว 17 นัด กลางถนน

ชลบุรี 21 พ.ค. – จยย.ไล่รัวกระสุนสกัดเก๋งอย่างกับหนังบู๊ ทำชาวบ้านแตกตื่น แท้จริง เป็นตำรวจเมืองชลบุรี ล่อซื้อยาบ้า พ่อค้าไหวตัว ก่อนจนมุม ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกไปที่รถยนต์สีขาว พยายามเคาะกระจกรถให้คนขับลงมา แต่เมื่อไม่เป็นผล จึงชักปืนขึ้นมารัวยิงหลายครั้ง กระทั่งรถยนต์ถอยรถขับออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีรถจักรยานยนต์ไล่ตามไปติดๆ พร้อมกับยิงปืนใส่ รวมทั้งหมด 17 นัด เมื่อช่วง 03.30 น. ที่ผ่านมา ภายในซอยเส้นทางหนองซ้ำซาก-สำนักบก ตำบลหนองซ้ำซาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ตำรวจลงพื้นที่เกิดเหตุ พบกันชนหน้ารถยนต์คันสีขาวตกอยู่พร้อมป้ายทะเบียน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และปลอกกระสุนไม่ทราบขนาด 17 ปลอก พร้อมหัวกระสุนอีก 1 หัว สอบถาม นายปรานอม ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนแรกตนเห็นรถยนต์สีดำ ขับมาปาดหน้ารถยนต์สีขาว จากนั้นก็มีรถจักรยานยนต์ใส่ชุดคล้ายไรเดอร์ ขี่ตามหลังรถคันสีขาว ครั้งแรกเห็นยิงใส่รถยนต์สีขาว 5 นัด แต่เป็นการยิงผ่านกระบอกเก็บเสียง จากนั้นรถคันที่ถูกยิงพยายามหลบหนี แต่รถคันสีดำขับมาบล็อกข้างหน้าไม่ให้หนี แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด […]

ปิดเกาะล่า ฆ่าเปลือย-รัดคอพยาบาลหมกศพในหอพัก

สุราษฏร์ธานี 21 พ.ค. – พบศพพยาบาลสาว ถูกคนร้ายฆ่ารัดคอทิ้งศพเปลือยบนเตียงนอน แถมขโมยรถยนต์ผู้ตายไปด้วย ตำรวจปิดเกาะสมุยไล่ล่า ที่เกิดเหตุเป็นหอพักสองชั้น ของโรงบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุยจ.สุราษฎร์ธานี โดยในห้องพักชั้นสอง พบศพ นางสาวอัญชุลี อายุ 36 ปี ชาวกรุงเทพ เสียชีวิตสภาพนอนหงายบนที่นอน ไม่สวมเสื้อผ้า ใส่แต่กางเกงในสีดำ ที่ลำคอมีเสื้อยืดสีขาวรัดไว้แน่น สิ่งของบนพื้นข้างเตียงกระจัดกระจาย ยังพบกล่องถุงยางอนามัยหนึ่งกล่อง ไม่พบร่องรอยบาดแผล มีเพียงรอยเขียวคล้ำที่ลำคอ จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายทำงานเป็นซูเปอร์ไวเซอร์พยาบาลวิชาชีพ โรงบาลเอกชนแห่งหนึ่งในตำบลบ่อผุด คืนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนเห็นผู้ตายที่เพิ่งเลิกงานกลับมาที่ห้องพัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับที่ทำงาน จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าและขับรถยนต์นิสสันสีเทา ทะเบียน กทม. ออกไป และขับกลับเข้ามาเวลาประมาณตี 2 เศษ จากนั้นได้ยินเสียงคนทะเลาะกันแล้วเงียบหายไป จนตอนเช้า เพื่อนไปหา พบว่าห้องถูกปิดและติดต่อผู้ตายไม่ได้ กระทั่งมารู้ว่าเสียชีวิตภายหลัง เบื้องต้นบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด และพบว่ารถยนต์ของผู้ตายหายไป คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี ตำรวจระดมกำลังมกำลังปิดเส้นทางการหลบหนี บริเวณท่าเรือทั้งสองท่า พร้อมนำพยานกลุ่มเพื่อน ผู้ตายไปสอบปากคำ โดยให้การว่า […]

ผู้เชี่ยวชาญคาดบ่ายพรุ่งนี้ นำร่างคนงานขึ้นจากหลุมสำเร็จ

กทม. 21 พ.ค. – ผู้ว่าฯ กทม. เผยผู้เชี่ยวชาญ คาดพรุ่งนี้ช่วงบ่าย นำร่างคนงานผู้สูญหายขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตรได้ ย้ำการทำงานทุกขั้นตอนคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ภารกิจค้นหาคนงานผู้สูญหายที่ตกหลุมลึก 19 เมตรในโครงการขุดเจาะก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณถนนหลานหลวง ใกล้ปากซอยหลานหลวง 8 หลังเหตุการณ์ผ่านพ้นมา 48 ชั่วโมงแล้ว วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังคงใช้เครนขุดเจาะเพื่อขุดหลุมค้นหาร่างผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาร่วมประชุมกับทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและทีมกู้ภัย ระบุว่า อุปสรรคในการปฏิบัติงานในขณะนี้คือความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากอุปกรณ์ชีทไพล์หรือแผ่นเหล็กกั้นดินสไลด์ ที่ติดตั้งลึกถึงสามชั้น ประมาณรวม 16 เมตร ซึ่งด้านล่างมีแรงดันของดินและน้ำมหาศาล ทำให้ระหว่างการขุดดินจะต้องทำโครงสร้างค้ำยัน ชีทไพล์เป็นระยะๆ ในแต่ละชั้น ซึ่งตอนนี้สามารถทำโครงสร้างค้ำยันในชั้นที่สามแล้วถือเป็นชั้นลึกสุด นายชัชชาติ เผยว่าเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ คาดการณ์ว่าหากไม่มีอุปสรรคอย่างอื่นเพิ่มเติม ภายในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.) ช่วงบ่ายจะสามารถนำร่างผู้สูญหายขึ้นมาได้ ประเมินว่าร่างของผู้สูญหายน่าจะอยู่ในระดับความลึกจากพื้นผิวถนนประมาณ 12 เมตร ไม่ใช่ 16 เมตร อย่างที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ส่วนประเด็นญาติของผู้สูญหายซึ่งเป็นพี่ชายและน้องชาย ทำงานด้วยกันขณะเกิดเหตุด้วย […]

นายกฯ นำทีมไทยแลนด์ถึงลอนดอนแล้ว จ่อพบเจ้าของค่ายมวยไทย

สหราชอาณาจักร 21 พ.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ นำทีมไทยแลนด์เดินทางถึงลอนดอนแล้ว เตรียมพบเจ้าของค่ายมวยไทยยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ พร้อมร่วมกันผลักดันศิลปะมวยไทยให้เป็นสินค้า “เมดอินไทยแลนด์” พร้อมพบผู้บริหารซูเปอร์สโตร์ หารือเปิดตลาดขยายโอกาสสินค้าและซอฟต์พาวเวอร์ไทย ให้กระจายทั่วยุโรป เวลา 10.00 น. กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (ซึ่งตรงกับเวลา 16.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ที่ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้เดินทางถึง ท่าอากาศยาน Heathrow กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อร่วมประชุมหารือทีมไทยแลนด์ ส่งเสริม สินค้าและบริการไทย ผลักดัน Soft Power กีฬาไทย ขยายตลาดเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการของไทย ในสหราชอาณาจักรและยุโรป ช่วงบ่ายวันนี้ เวลา 14.45 น. ตรงกับเวลา 20.45 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเข้าพบกับเจ้าของและผู้บริหาร ร่วมทั้งครูผู้ฝึกสอนค่ายมวยไทย […]