กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – กรมชลฯ เร่งระบายน้ำในลุ่มน้ำนครนายกออกทะเล ทั้งฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ เนื่องจากยังมีปริมาณน้ำมากและต้องพร่องน้ำรอรับฝนที่จะยังตกจนถึงเดือนตุลาคม
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา มี 3 ลุ่มน้ำเชื่อมกันดีขึ้นตามลำดับ ปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรีมีน้อยลง ทำให้น้ำที่เอ่อท่วมตลาดเก่าอำเภอกบินทร์บุรีลดลงตามลำดับ ส่วนอำเภอเมืองปราจีนบุรี ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าพนังป้องกันน้ำในตัวเมืองจึงไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ได้ทำคันกั้นน้ำและสูบน้ำที่ซึมเข้าไปท่วมขังออกแล้ว
ส่วนพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ ลุ่มน้ำนครนายก เนื่องจากแม่น้ำปราจีนบุรีมีความจุกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่แม่น้ำนครนายกมีความจุประมาณ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้อยกว่าแม่น้ำปราจีนบุรี 4-5 เท่า เมื่อน้ำจากแม่น้ำปราจีนบุรีมาบรรจบระดับน้ำนครนายกจึงสูงขึ้น ทั้งนี้ กรมชลประทานได้บริหารจัดการ โดยใช้เขื่อนขุนด่านปราการชลชะลอน้ำที่จะไหลลงมาสมทบแม่น้ำนครนายกและติดเครื่องผลักดันน้ำเป็นระยะของแม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำนครนายก
แม่น้ำนครนายกจะไหลไปสู่แม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำบริเวณสะพานวัดบางแตน อำเภอบ้านสร้าง 15 เครื่อง อีกทั้งยกบานระบายของเขื่อนบางปะกงสุดบานเพื่อเร่งระบายออกทะเล ส่วนอีกทางหนึ่งได้ผันน้ำจากแม่น้ำนครนายกเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาผ่านคลอง 14 สู่คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตระบายออกที่สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร จังหวัดสมุทรปราการ สามารถสูบน้ำระบายน้ำลงทะเลอ่าวไทยได้ประมาณ 210 ลูกบาศก์เมตรวินาที และยังมีสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิสามารถระบายน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อีก 4 เครื่อง ระบายน้ำมากถึง 100 ลูกบาศก์เมตรวินาที รวมปริมาณน้ำที่สามารถระบายลงสู่ทะเลได้ทั้งสิ้นประมาณ 310 ลูกบาศก์เมตรวินาที หรือประมาณวันละ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร การเร่งระบายออกทะเลถึง 2 ทางช่วยลดระดับน้ำแม่น้ำนครนายกได้มากและยังต้องดำเนินการต่อไป เพื่อพร่องน้ำออกให้แม่น้ำมีพื้นที่รองรับฝนที่จะตกลงมาจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาล. – สำนักข่าวไทย