พระนคร 7 ก.ย.-ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ชี้ปืนใหญ่ที่พบกระบอกล่าสุดบริเวณท้องสนามหลวงเป็นปืนใหญ่แบบอังกฤษ อายุเก่าแก่สมัยรัชกาลที่3 กำลังรอตรวจสัญลักษณ์สำคัญบนกระบอกปืน เพื่อให้ได้คำตอบว่า ผลิตในประเทศอังกฤษหรือหล่อในไทย
นักวิชาการของกรมศิลปากร กรมอู่ทหารเรือ และผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ร่วมเสวนาวิชาการเกี่ยวกับปืนใหญ่ในสยาม ซึ่งกรมศิลปากรจัดขึ้น หลังพบปืนใหญ่กระบอกล่าสุดที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันเสาร์ที่25สิงหาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้เก็บรักษาไว้ชั่วคราวในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อกรมศิลปากรดำเนินการอนุรักษ์และศึกษารูปแบบปืนใหญ่ดังกล่าว
นักวิชาการให้ความเห็นว่า การค้นพบปืนใหญ่ในประเทศไทยในภาพรวมตั้งแต่ในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการค้นพบมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นปืนใหญ่ที่ไทยสร้างเอง และมีหลักฐานว่ามาจากต่างชาติ ซึ่งทั้งหมดเก็บรักษาไว้ในสถานที่สำคัญ รวมถึงสถานที่ราชการทั่วประเทศ
เช่นเดียวการพบปืนใหญ่ครั้งล่าสุดนี้ก็ไม่ได้เป็นการพบครั้งแรก เพราะปกติ ในการการปรับปรุงพื้นบริเวณพื้นที่วังหน้า ที่ครอบคลุม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โรงละครแห่งชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มักจะพบอาวุธปืน กระสุนหรืออาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆแม้ขุดไม่ลึกมาก หลายกระบอกนำขึ้นมาอนุรักษ์ไว้โดยกรมศิลปากร และมีอีกหลายกระบอกกระทรวงกลาโหมขอนำไปศึกษา
ส่วนกระบอกที่พบล่าสุดนี้ ขุดพบในแนววางท่อระบายน้ำในพื้นที่สนามหลวง ตรงข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างขุดลึกในดินประมาณ 1เมตรเป็นปืนใหญ่หล่อด้วยเหล็ก ขนาดยาว3.05เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางปากกระบอก 45 เซ็นติเมตร ลำกล้องขนาด 22 เซ็นติเมตรท้ายปืนตัน บรรจุกระสุนทางปากกระบอก ตอนพบภายในปืนใหญ่มีกระสุนปืนคาในลำกล้องพร้อมกับก้อนอิฐที่ถูกความร้อนจนละลายเหนือแกนจานท้ายปืนมีห่วงร้อยเชือกหรือหูกระวินสำหรับร้อยเชือกตรึงรับแรงสะท้อนถอยหลังขณะยิง
นายศิริรัจน์ วังศพ่าห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ระบุว่าปืนใหญ่กระบอกที่พบล่าสุดบริเวณท้องสนามหลวงนั้น จากการดูรูปร่างภายนอก ดูทรงแล้ว ในเบื้องต้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปืนใหญ่ที่ผลิตขึ้นในประเทศอังกฤษเป็นเป็นปืนใหญ่รุ่น โบลมฟิลด์ ( Blome Field) ที่ผลิตขึ้นในระหว่างปีคริสตศักราช 2330-2358 เพราะมีลักษณะพิเศษที่สำคัญของรุ่นนี้ คือมีหูสำหรับร้อยเชือกเพื่อยึดกับฐานหรือเรือขณะยิง แต่ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบต่อไปอีกหลังจากเสร็จขั้นตอนการทำความสะอาดปืนแล้ว เพื่อดูว่ามีตราสัญลักษณ์สำคัญของปืนใหญ่รุ่นนี้ คือ มงกุฎหรือตราของพระเจ้าจอร์จที่สามอยู่ที่กระบอกปืนด้วยหรือไม่ซึ่งหากไม่มีตราสัญลักษณ์สำคัญเหล่านี้ก็หมายความว่าปืนใหญ่กระบอกนี้ถูกหล่อขึ้นในประเทศไทยในช่วงรัชกาลที่3 โดยมีที่ปรึกษาชาวอังกฤษให้คำแนะนำ ซึ่งในประเทศไทยพบปืนใหญ่รุ่นนี้จำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย