กรุงเทพฯ 6 ก.ย. – ส.อ.ท.คาดเอกชนมองราคาน้ำมันดิบจะไม่ปรับขึ้นแรง เหตุกำลังผลิตยังเกินต้องการ ชี้ยังไม่ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย ด้าน รมว.พลังงานย้ำปลายปีนี้โครงการโซลาร์ประชาชนชัดเจน มีระเบียบรองรับ หนุน Start up เชื่อมโยงระบบไฟฟ้า ด้านสรรพากรห่วงรายได้หด
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานสัมนา Energy Symposium 2018 หัวข้อ “นวัตกรรมพลังงาน…โอกาสอุตสาหกรรมไทย” นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่ากระทรวงสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยวันนี้มีประชุมคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานวงเงิน 10,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะสนับสนุนนวัตกรรมนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมแผนงาน และระเบียบต่าง ๆ เช่น การรับซื้อไฟฟ้า การแข่งขันของภาครัฐ-ภาคเอกชน พร้อมรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป (Disruption )
นายศิริ กล่าวว่า ได้สนับสนุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน ซึ่งปลายปี 2561 จะทราบหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ทั้งเรื่องปริมาณรับซื้อไฟฟ้าที่เหลือใช้จากผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาตามบ้านเรือนประชาชน โดยคงต้องกำหนดปริมาณรับซื้อที่เหมาะสมและให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานออกหลักเกณฑ์ในส่งเสริมการรวมศูนย์การรับซื้อ ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นรูปแบบการซื้อที่ใช้เทคโนโลยี BLOCKCHAIN มารองรับมากขึ้นและยังส่งเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งระบบสำรองไฟฟ้า การดำเนินการอย่างไรให้พลังงานทดแทนใช้ได้ 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับเอกชนในการทำโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนต่าง ๆ เมื่อผสมผสานกับระบบการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อนทำให้เกิดความมั่นคงมากขึ้น
“การรองรับเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนแปลงต้องมีกฎกติกาสนับสนุน ซึ่งภาพรวมแล้วจะเป็นช่องทางสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ start up ในการรวมรวบไฟฟ้าที่เหลือใช้จากโซลาร์รูฟท็อปมาจำหน่าย ทาง กกพ.จะกำหนดแนวทางสนับสนุน โดยจำรับทราบผลที่ชัดเจนภายในปลายปีนี้” นายศิริ กล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรกำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน เพราะขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นปริมาณการผลิตยังนับว่าต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของระบบ ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าปริมาณรับซื้อจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของระบบอย่างแน่นอน
นายสุพันธุ์ คาดว่านับจากนี้ราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งหากจะสูงกว่านี้จากข่าวปัญหาการเมืองโลกก็เป็นการชั่วคราวเท่านั้น เพราะกำลังการผลิตของโลกมีสูงและพร้อมผลิตสนองตอบความต้องการที่สูงขึ้น ซึ่งกรณีเงินเฟ้อของไทยเดือนสิงหาคม 2561 พุ่งสูงขึ้นที่ร้อยละ 1.62 ก็นับเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูงมากและจีดีพีไทยแม้ขยายตัวสูงก็อยู่ระดับร้อยละ 4.5 ไม่ได้สูงถึงร้อยละ 7-8 จนต้องใช้มาตรการดอกเบี้ยมาดูแล ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวก็ยังไม่ลงถึงระดับรากหญ้า ดังนั้น จึงเห็นว่าดอกเบี้ยยังไม่ควรขยับขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในขณะนี้บริษัทได้เริ่มทดลองทำระบบบล็อกเชนซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ อย่างไรปัญหาที่เกิดขึ้นยังมีเรื่องระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการซื้อขายแบบนี้ โดยกรมสรรพากรได้เชิญไปหารือว่าหากเกิดการซื้อขายจริงแล้ว ในอนาคตจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้หรือไม่ ซึ่งทางบริษัทได้ยืนยันว่าไม่น่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่อาจจะทำให้ภาพรวมรัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเชื่อมต่อของระบบ หรือ transaction โดยขณะนี้ทาง กกพ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังช่วยดูเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ข้อกำหนดของกรมสรรพากร ก็คือ หากผู้ใดมีรายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาท/ปี ก็ไม่จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย