ศาลปกครองสั่ง รฟท.ชดใช้ ประภัสร์ จงสงวน

ศาลปกครอง 5 ก.ย.- ศาลปกครองสั่ง รฟท.ชดใช้  “ประภัสร์ ” กรณีเลิกจ้างก่อนครบสัญญา 3.1 ล้าน ชี้คำสั่ง คสช.ให้พ้นจากตำแหน่งชอบด้วยกฎหมาย 


ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)  จ่ายเงินชดใช้กรณีเลิกจ้างก่อนครบสัญญาให้นายประภัสร์  จงสงวน อดีตผู้ว่าการ รฟท.  จำนวน 3,139,452.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 2,800,000  นับจากวันที่ 11 เม.ย. 59 ซึ่งเป็นวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

คดีดังกล่าวเนื่องมาจาก รฟท.ได้ว่าจ้างนายประภัสร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท.ตามสัญญาลงวันที่ 14 พ.ย. 55 แต่ต่อมา คสช.ได้มีคำสั่ง 89/2557 ลงวันที่ 10 ก.ค. 57 ให้พ้นจากตำแหน่ง นายประภัสร์ เห็นว่าทำให้เกิดความเสียหาย จึงได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ส่วนเหตุที่ศาลสั่งให้ รฟท.ชดใช้เนื่องจากเห็นว่า การที่หัวหน้า คสช.มีคำสั่ง 89/2557 ลงวันที่ 10 ก.ค. 57 ให้นายประภัสร์พ้นจากตำแหน่ง แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า รฟท.เป็นผู้เสนอ ครม.ให้เห็นชอบตามมาตรา 31 วรรค 3  พ.ร.บ.การรถไฟ 2494 แต่เมื่อ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ หัวหน้าคสช.จึงเป็นผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 10/2557 เรื่องให้อำนาจหน้าที่ของนายกฯ เป็นอำนาจหน้าที่ คสช.ลงวันที่ 22 พ.ค.2557 ดังนั้น การที่หัวหน้าคสช.มีคำสั่ง 89/2557 ให้นายประภัสร์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท. จึงเป็นการใช้อำนาจในฐานะผู้กำกับดูแลเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล เพื่อให้การปฏิบัติงานของ รฟท.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมาะสมยิ่งขึ้น 


ซึ่งมีผลทำให้นายประภัสร์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท.ตามคำสั่งที่ประธานกรรมการ รฟท.ได้แต่งตั้ง ตามคำสั่งคณะกรรมการ รฟท.ที่ 22/2555 ลงวันที่ 14 พ.ย.2555  เรื่องแต่งตั้งผู้ว่าการ รฟท. ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจในฐานะคู่สัญญาในการเลิกสัญญา อันจะมีผลให้สัญญาจ้างผู้ว่าการ รฟท.ลงวันที่ 14 พ.ย. 2555 สิ้นสุดลง และการที่นายประภัสร์ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ตามคำสั่ง คสช.ดังกล่าว ก็ไม่ใช่กรณีที่มีผลให้สัญญาสิ้นสุดลงตามที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งในข้อ 5.2 ของสัญญาจ้าง

คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ให้นายประภัสร์ พ้นจากตำแหน่ง จึงไม่มีผลให้สัญญาจ้างนายประภัสร์ เป็นผู้ว่าการ รฟท.ฉบับลงวันที่14 พ.ย.2555 สิ้นสุดลงแต่อย่างใด รฟท.จึงยังคงมีสิทธิตามสัญญญา เช่นคู่สัญญาพึงมีซึ่งสิทธิที่ว่านั้น รวมถึงสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาดังกล่าว เนื่องจากเป็นสิทธิของคู่สัญญาโดยแท้ แต่ รฟท.ก็ไม่บอกเลิกสัญญา ทั้่งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าคำสั่ง คสช.ที่ให้นายประภัสร์ พ้นจากตำแหน่งชอบด้วยกฎหมาย ด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุดตามมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ซึ่ง รฟท.ในฐานะผู้ว่าจ้างและผู้อยู่ใต้อำนาจการกำกับดูแลของ คสช. จึงไม่อาจดำเนินการเป็นอย่างอื่นนอกจากบอกเลิกสัญญาเท่านั้น   

แม้ว่าไม่ปรากฏว่า รฟท.บอกเลิกจ้างสัญญาโดยแจ้ง แต่เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีเห็นว่า รฟท.มีเจตนาเลิกสัญญากับนายประภัสร์ โดยปริยายแล้ว จึงมีผลให้สัญญาจ้างระหว่าง รฟท.กับนายประภัสร์ สิ้นสุดลง หรือเลิกกันไปโดยปริยายตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. โดยที่นายประภัสร์ ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา รฟท.จึงต้องรับผิดต่อนายประภัสร์ ตามสัญญาข้อ 5.4 ที่กำหนดว่าหากผู้ว่าจ้างต้องการบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเวลา โดยที่ผู้รับจ้างไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ผู้ว่าจ้างจะมีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้รับจ้างไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินค่าตอบแทนเท่ากับค่าจ้างเดือนสุดท้ายของผู้รับจ้าง คูณด้วยระยะเวลาที่เหลืออยู่ แต่ไม่เกิน 6 เดือน 


ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายประภัสร์ ได้รับเงินเดือนในอัตราเดือนละ 4 แสนบาท และเมื่อข้อ1 ของสัญญาจ้างกำหนดเวลาจ้างตั้งแต่ 14 พ.ย.255-17 พ.ค.2558 แต่สัญญาสิ้นสุดลงก่อนในวันที่ 10 ก.ค.57 นายประภัสร์ จึงมีสิทธิ ได้รับค่าตอบแทนเท่าค่าจ้างเดือนสุดท้ายของนายประภัสร์ คูณด้วยระยะเวลา 6 เดือนรวมเป็นเงิน 2.4 ล้านบาท และรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยผิดนัดให้แก่นายประภัสร์ ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ของต้นเงินจำนวน 2.4 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.57 จนถึงวันที่ 11 เม.ย.59 ซึ่งเป็นวันฟ้องคดี รวมเป็นระยะเวลา 642 วัน คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 316,602.74 บาท และต้องรับผิดชดใช้เงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับอัตราค่าจ้างเดือนสุดท้ายหนึ่งเดือน เป็นเงิน 400,000บาท ตามมาตรา 582 วรรค1 ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ประกอบข้อ 5.4ของสัญญาจ้างและรับผิดชดใช้เงินค่าตอบแทนพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปีของต้นเงินจำนวน400,000บาท ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.58 ถึงวันที่ 11 เม.ย.59 คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน22,849.31 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 3,139,452.05 บาท

ด้านนายประภัสร์ กล่าวว่า ที่ต้องมาฟ้องเพราะบอร์ด รฟท. ในขณะนั้นตัดสินใจไม่ยอมจ่ายชดเชยการเลิกจ้าง ซึ่งไม่ได้พิจารณาตามข้อกฎหมาย  แต่ทำตามอำเภอใจ เรื่องนี้น่าเสียดายว่าไม่ควรที่จะเกิดขึ้น น่าจะให้เป็นตามสัญญา ก็ไม่ต้องมาเสียเงินดอกเบี้ยเพิ่มเติม จากเงินค่าจ้างที่ต้องจ่าย  แต่กลับทำให้หน่วยงานต้องเสียค่าดอกเบี้ยเพิ่มจากเงินเดือนชดเชยที่ต้องได้ บอร์ด รฟท.ชุดนั้นจึงควรต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น  เพราะเป็นผู้ออกคำสั่ง ตนไม่ติดใจหรือต่อว่ารัฐบาล คสช. เพราะเข้าใจเรื่องของความเหมาะสมต้องการคนที่ตัวเองไว้ใจมาทำงาน ซึ่งเป็นสิทธิ์ในการบริหารงานสามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม หากคู่กรณีไม่พอใจผลคำพิพากษาก็สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ฤทธิ์พายุหนองฟ้าทำหลายจังหวัดอ่วม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

31 ส.ค. – พายุหนองฟ้าทำพิษ สุโขทัยเจอน้ำท่วมไหลเชี่ยวกรากหลายอำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าหลากท่วมหลายจุด ต้นพะยอม 100 ปี โค่นขวางถนนกลางเมือง ส่วน จ.สกลนคร พายุกระหน่ำกระทบงานไหว้สาพญาเต่างอย พายุหนองฟ้าทำพิษ จ.สุโขทัย น้ำท่วมหลายอำเภอ โดยพื้นที่ที่กระทบหนักคือ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมือง อ.กงไกรลาศ อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ ซึ่งเช้าวันนี้ ปภ.แจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนให้รับมือ นอกจากนี้พบว่าพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว อ.เมือง มวลน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำยม ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก บ้านเรือนได้รับผลกระทบเกือบ 100 หลัง น้ำป่าเข้าท่วมหลายจุดในพิษณุโลกที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ลงสู่ อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง หลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยถนนทางหลวงช่วงบ้านกกไม้แดง ต.ดินทอง […]

ปชป.ยังไม่มีมติร่วมรัฐบาล กก.บห.มอบหัวหน้าพรรคตัดสินใจ

ปชป. 31 ส.ค. – “เฉลิมชัย” บอก​ ปชป. ยังไม่มีมติเข้าร่วมรัฐบาล ที่ประชุม กก.บห. มอบอำนาจหัวหน้าพรรคตัดสินใจ แจง​จับมือแถลงร่วมเพื่อไทย​ เป็นมารยาท​ เหตุยังร่วม ครม.​ ลั่นสถานการณ์​ปัจจุบัน​ยังไม่มีใครตัดสินใจได้​ ต้องรอฝุ่นจางจะเห็นภาพชัด​ ถ้าด่วนตัดสินใจอาจพลาด​ ย้ำทุกอย่างต้องผ่านมติพรรค ไม่เช่นนั้นเป็นของเถื่อน​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลากว่า​ 1 ชั่วโมง​ ว่า ต้องบอกว่าวันนี้การเมืองยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมืองทั้งหมด และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนตามข้อบังคับพรรค ซึ่งเมื่อ น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง เท่ากับว่ารัฐบาลได้หมดสิ้นไป การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดตามข้อบังคับพรรค เพื่อให้สามารถบริหารงานได้ทันการ ซึ่งที่ประชุมมีมติ ใช้ข้อบังคับ 1 3 และ 4 ยกเว้นการใช้ข้อบังคับพรรค โดยใช้เสียงไม่เกิน 3 ใน 5 ของกรรมการบริหารพรรคที่เข้าร่วมประชุม […]

“ภูมิธรรม” ลาประชุม ก.ตร. มอบ “บิ๊กต่าย” ปธ.เคาะโผนายพล

31 ส.ค.- ก.ตร. ประชุมครั้งที่ 8/2568 จับตาแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ ขณะที่ “ภูมิธรรม” ติดภารกิจ มอบ ผบ.ตร. นั่งประธานแทน วันที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จัดประชุมครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 โดยมีวาระสำคัญว่าด้วยการบริหารงานบุคคลและการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการประชุมใหญ่ที่ถูกจับตามองจากทุกฝ่าย ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 7/2568 มีมติเลื่อนการพิจารณามายังวันนี้ เนื่องจากมีหนังสือร้องเรียนหลายประเด็น รวมถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม เวชยชัย ประธาน ก.ตร. ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้เนื่องจากติดภารกิจสำคัญเร่งด่วน จึงมีหนังสือถึงที่ประชุมให้ดำเนินการตามข้อบังคับ ก.ตร. ว่าด้วยการประชุมและการลงมติของ ก.ตร. และคณะอนุกรรมการ […]

พรรคร่วมรัฐบาลตอบรับทุกข้อเสนอ “ปชน.” รอเคาะ

พรรคประชาชน 31 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เผย พรรคร่วมรัฐบาล ตอบรับทุกข้อเสนอ “ปชน.” รอพรรคประชาชนตัดสินใจ ลั่นทำเร็ว ยุบสภาได้ก่อน 4 เดือน ขณะม็อบหนุน พท. โผล่ให้กำลังใจ “เพื่อไทยสู้ๆ” ภายหลังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าหารือกับแกนนำพรรคประชาชนประมาณ 1 ชั่วโมง นายภูมิธรรม ได้นำแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมา แถลงข่าวด้านล่างพรรคประชาชน ขาดเพียงนายเดชอิศม์ ขาวทอง และนายชัยชนะ เดชเดโช แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่ารีบไปประชุม กรรมการบริหารพรรค จึงไม่ได้ร่วมวงสัมภาษณ์ได้ โดยนายภูมิธรรม ระบุว่า ในนามพรรคร่วมรัฐบาล ได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการประสานจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาชน ซึ่งตัวแทนที่มาวันนี้ (31 ส.ค.) ก็ครบทุกพรรค ส่วนตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สบาย แต่เขาพร้อม หากไม่สบายใจหรือมีข้อสงสัยก็พร้อมจะซูมเข้ามา ซึ่งข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ เนื่องจากเห็นว่าการเมืองขณะนี้เป็นช่วงวิกฤต เป็นเรื่องที่ควรจะหาทางออกร่วมกัน ดังนั้นหลังจากที่พูดคุยกันแล้วพรรคร่วมรัฐบาลจึงได้มาพูดคุยกับพรรคประชาชน เนื่องจากพรรคประชาชนเป็นพรรคที่เสนอว่า หากใครรับข้อเสนอของพรรคประชาชนได้ ก็จะนำมาตัดสินใจว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้(31 […]