กทม.สั่ง50เขตตรวจเข้ม ทุกร้านสักลาย ต้องมีใบอนุญาต

ถนนข้าวสาร5 ก.ย.-กทม.สั่ง 50เขตตรวจเข้ม ร้านสักลายต้องมีใบอนุญาต ทั้งร้านตึกแถว วัด สำนักอาจารย์ต่างๆและหาบเร่ ถ้าตรวจแล้วไม่มีจัดการตามกฏหมายทันที พร้อมเตรียมแจ้งความ ‘อ.เก่ง TATTOO’  ช่างสักลายย่านคลองหลอด มอบเขตพระนคร แจ้งความตำรวจ ในความผิดประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต


นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากเขตพระนคร ผู้บริหารสำนักอนามัย ลงพื้นที่ตรวจร้านสักลายผิวหนังบนถนนข้าวสาร 


นายทวีศักดิ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบว่า หลังมีกระแสข่าวมีหญิงสาวเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุของผู้เสียชีวิต มีการระบุว่าติดเชื้อเอชไอวีจากการสักลายผิวหนังในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ขณะนี้ได้ผลการตรวจสอบที่ชัดเจนว่า ผู้เสียชีวิตเกิดการติดเชื้อเอชไอวีอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ได้ติดเชื้อจากการสักลายผิวหนังแต่อย่างใด แต่การสักลายผิวหนัง ถือเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งการสักหากไม่ถูกต้องตามหลักอนามัยจะมีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆอย่างมาก ดังนั้การประกอบกิจการ ผู้ประกอบการจะต้องได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างถูกต้อง จึงจะสามารถประกอบการกิจการได้   


นายทวีศักดิ์  กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่ในถนนข้าวสารเป็นร้านที่ขออนุญาตถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การขออนุญาตเปิดสถานประกอบการที่ประกอบด้วย 1.มีเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น 2.มีหลักฐานการกำจัดอุปกรณ์ติดเชื้อ เข็มสัก ในสถานที่ที่สาธารณสุขรับรอง  3.มีหลักฐานรับรองคุณภาพสีว่าเป็นสีที่ใช้ในการประกอบการสัก ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือผิวหนังของมนุษย์ 4.ต้องมีป้ายแสดงกฎข้อห้ามในการปฏิบัติตัวระหว่างสัก 5.ต้องมีการกั้นแบ่งส่วนพื้นที่ในการสักอย่างชัดเจน 6.ต้องมีการแยกส่วนพื้นที่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างชัดเจน 7.ต้องมีใบยินยอมในการสักและลงชื่อเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้า

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน กทม.มีร้านสักที่มีใบอนุญาตถูกต้อง รวม 50ราย ซึ่งกระจายตามเขตต่างๆ โดยในพื้นที่เขตพระนคร มีร้านบริการรับสักลายผิวหนัง จำนวน 17ร้าน อยู่ในพื้นที่ถนนข้าวสาร จักรพงษ์ และรามบุตรี  สำหรับร้านสักลายผิวหนัง ที่มีใบอนุญาตการประกอบกิจการอย่างถูกต้องนั้น หลังทำเรื่องขอไปยัง กทม.ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของ กทม.เข้าไปประเมิน และลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่  เช่น พื้นที่ทำการสักต้องแยกสัดส่วนจากพื้นที่อื่น ไม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณที่ทำการสัก อุปกรณ์การสัก เจาะ ต้องจัดเก็บเป็นระเบียบ มีภาชนะบรรจุอย่างปลอดภัย มีอุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายต่อผู้รับบริการ สีต้องไม่เป็นอันตรายต่อร่ายกาย เข็ม ภาชนะบรรจุสี มีดโกน ต้องใช้ครั้งเดียวทิ้ง 

ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านสัก พบว่าในกรุงเทพฯน่าจะมีผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นช่างสักประมาณ 1,000 คน อยู่ตามร้านต่างๆ แต่มีร้านสักที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องในกรุงเทพฯมีอยู่ 50 แห่งเท่านั้น โดยยังมีบางร้านไม่มาขออนุญาต จึงฝากให้ทั้ง 50 เขต ช่วยกันสอดส่อง แจ้งเตือนผู้ให้บริการ ให้มาขออนุญาตเปิดสถานกิจการอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะร้านสักหาบเร่ หรือร้านสักตามตลาดนัด เป็นต้น ทุกร้านต้องมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายและปฏิบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์การประกอบกิจการที่กำหนด หากพบการประกอบกิจการสักผิวหนัง เจาะหู หรืออวัยวะอื่นๆ ไม่มีใบอนุญาต หรือเป็นร้านสักแบบเร่ ตั้งแผงรับสักในจุดใดๆ จะต้องสั่งหยุดกิจการ และดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที 

สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการสักลายผิวหนัง ถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง ผู้ใช้บริการจึงต้องร่วมตรวจสอบ ดูแลตนเอง โดยดูว่าร้านที่ใช้บริการ มีสถานที่และความสะอาดที่เหมาะสม และมีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องหรือไม่ หากพบความไม่ถูกต้อง ก็ไม่ควรเข้ารับบริการอย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน กทม.เตรียมหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกประกาศหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนช่างสักเพื่อออกใบประกอบวิชาชีพ และเพื่อควบคุมให้การสักดำเนินการได้ตามมาตรฐาน ความสะอาด

นอกจากการสักแฟชั่น สักสวยงามแล้ว ทาง กทม. เตรียมเจรจาทำความเข้าใจกับผู้ให้บริการสักตามความเชื่อ ประเภทการสักยันต์ ตามวัดและสำนักต่างๆ ก็ต้องได้มาตรฐาน ถูกสุขอนามัยที่ดีด้วย

สำหรับกรณีช่างเก่งสักลาย ย่านคลองหลอด พบว่ายังคงนั่งเปิดให้บริการตามปกติ แต่หลังจากที่เป็นข่าวก็ไม่มีลูกค้าเข้ามา ล่าสุดทางสำนักงานเขตพระนครเตรียมเข้าแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ ในความผิดประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข ต่อไป

ด้านนายนนทิวัฒน์ จันทรประสิทธิ์ เจ้าของร้านอัพทูยู แทททู เปิดเผยว่า ร้านสักของตนเปิดมานานกว่า12ปีได้รับใบอนุญาตถูกต้องในการประกอบกิจการจาก กทม. โดยสำนักงานเขตพระนคร อย่างไรก็ตามกระบวนการสักลายผิวหนังของร้านจะมุ่งเน้นดูแลด้านความสะอาด สุขอนามัยอย่างเต็มที่ ซึ่งร้านได้ดูแลความสะอาด สุขอนามัยของอุปกณ์การสัก สถานที่ และสุขอนามัยของช่างสักร่วมด้วย ซึ่งจะมีการอบรมความรู้ การดูแลสุขอนามัยการสักลายผิวหนังกับช่างสักลายผิวหนังอยู่เสมอ 

สำหรับผู้รับบริการสักลายผิวหนัง จะมีการติดป้ายชัดเจนกำหนดอายุการสักที่ 18ปีขึ้นไป ส่วนหากมีผู้อายุต่ำกว่า 18ปี จะใช้บริการ ช่างสักจะต้องมีการพูดคุย และแจ้งไม่รับสักกับบุคคลที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ นอกจากนี้ที่ร้านจะไม่รับสักลวดลายที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อทางศาสนาใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยง เกิดข้อขัดแย้งใดๆขึ้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเปิดกิจการร้านสักลายผิวหนัง เจาะหู หรือการเจาะอวัยวะอื่น ๆ ต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณะสุข ปี 2535 จากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  ซึ่งหากมีการประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนใบอนุญาตการประกอบกิจการสัก เจาะหู หรืออวัยวะอื่นๆนั้น จะต้องมีการต่อใบอนุญาตเป็นรายปี โดยมีค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 5,000บาทต่อปี. –สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]