รร.เซ็นทาราลาดพร้าว 5 ก.ย. – พาณิชย์เดินหน้า SMEs Pro-active ระยะ 3 สนับสนุนผู้ประกอบการต่อเนื่อง มั่นใจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ 2562-2564) สานต่อความสำเร็จจากระยะที่ 1 และ 2 โดยมีการปรับเปลี่ยนและเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการระยะใหม่ เพื่อขยายฐานการสนับสนุนผู้ประกอบการและอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมโครงการและขอรับบริการ โดยโครงการระยะ 3 มีเป้าหมายเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่กำลังก้าวสู่ตลาดโลกสามารถพัฒนาตนเอง จากผู้ประกอบการที่มีขนาดธุรกิจ จากไซต์ S เป็นไซต์ M เป็น L นอกจากนี้ มั่นใจว่าโครงการจะช่วยสร้างมูลค่าตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการส่งออกมากกว่า 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ดำเนินการโครงการ SMEs Pro-active ผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่มีศักยภาพและกิจกรรมทางการตลาดอื่น ๆ โครงการระยะ 1 สนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 2,600 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมกว่า 269 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8,600 ล้านบาท และโครงการระยะ 2 รวมสนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 1,747 ราย มูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมประมาณ 211 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,963 ล้านบาท
สำหรับโครงการระยะ 3 มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งปรับหลักเกณฑ์การสนับสนุนและเพิ่มลักษณะกิจกรรมที่สนับสนุนของโครงการ เพื่อตอบสนองตามข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการระยะที่ผ่านมา พร้อมปรับปรุงโครงการมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ได้แก่ การเริ่มต้นนับสิทธิ์การเข้าร่วมตั้งต้นใหม่ (Set Zero) สำหรับระยะ 3 เปิดโอกาสผู้ใช้สิทธิ์รายเก่าที่ใช้สิทธิ์ครบจำนวนจากระยะก่อนหน้า รวมถึงแก้ไขคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการเป็นนิติบุคคลที่มีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อขยายฐานการสนับสนุนให้ครอบคลุมผู้ประกอบการมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ซึ่งส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านกิจกรรมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศ ‘Oversea trade exhibitions’ จำนวน 6 ครั้ง โดยได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท และกิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจในต่างประเทศ ‘Business Opportunities and Partnership’ ประกอบด้วย กิจกรรมเจรจาการค้า และกิจกรรมนำเสนอผลงาน เพื่อขายหรือระดมเงินทุน เช่น การประกวดภาพยนตร์และสารคดีในต่างประเทศ 6 ครั้ง และได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท นอกจากนี้ ทางโครงการยังนำระบบการบริหารจัดการโครงการออนไลน์ โดยเฉพาะการใช้ฐานข้อมูลออนไลน์ในกระบวนการรับสมัคร ประเมินผล และติดตามผลมาปรับใช้ในการบริหารโครงการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย E-Government ของรัฐบาล เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active.-สำนักข่าวไทย