ก.พลังงาน 3 ก.ย. – รมว.พลังงานประชุมเร่งสรุปแผนพีดีพี โดยหลายฝ่ายยังงงกับรูปแบบใหม่ที่แบ่งเป็นรายภาค ด้าน กฟน.-กฟภ.เตรียมพร้อมแก้กฎหมายรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชน หากแผนพีดีพีส่งเสริมเสรี ใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยไม่ต้องซื้อจาก กฟผ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (3 ก.ย.) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เรียกประชุมเรื่องสำคัญ ทั้งการจัดทำแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าฉบับใหม่ (พีดีพี) ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ แม้มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 กำหนดให้แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2561 โดยจะต้องเร่งสรุป เพื่อนำเสนอต่อ คณะกรรมการ กพช.ภายในเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะมีการรับฟังความเห็นต่อไป รวมทั้งมีการประชุมอนุกรรมการกลั่นกรองกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 6 กันยายนนี้
โดยในการประชุมแผนพีดีพีฉบับใหม่มีผู้แทนทั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด ระบุเพียงว่านายศิริ และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะเร่งสรุปในเดือนนี้ และเสนอต่อ กพช. คาดว่าจะมีการประชุมกันยายนนี้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่ผู้เข้าร่วมประชุมยังรอความชัดเจนจากแผนที่ออกมา ทั้งกรณีการกำหนดแผนตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2560-2579 ) แผนปฏิรูปพลังงาน, การแยกพีดีพีเป็นแผนรายภาค 8 ภาค, การกำหนดโรงไฟฟ้าฐาน หรือโรงไฟฟ้าหลักแต่ละภาคที่ดำเนินการโดย กฟผ., การส่งเสริมการเปิดเสรีในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการแข่งขัน, การพัฒนาระบบรองรับเทคโนโลยีทีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Disruptive Technology )
“ขณะนี้ งง งง กับแผนพีดีพีใหม่จะเป็นอย่างไร ซึ่งตัวเลขเบื้องต้นปลายแผนปี 2579 คาดจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้ารวม 60,000 เมกะวัตต์ และเป็นโรงไฟฟ้าฐานประมาณ 40,000 เมกะวัตต์ ซึ่งหากพีดีพี ใหม่ ออกมาให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายซื้อไฟฟ้าได้อย่างเสรี ทาง กฟน.และ กฟภ.ก็คงจะแก้ไขกฎหมายซื้อไฟฟ้าจากเอกชน หากราคาถูกกว่าซื้อจาก กฟผ. ซึ่งขณะนี้ระบบโซลาร์รูฟท็อปเกิดขึ้นมากและเทคโนโลยี Blockchain ก็มีบทบาททำให้ซื้อไฟฟ้าได้ถูกลง” แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุ
นายนิกูล ศิลาสุวรรณ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.คาดหวังว่าแผนพีดีพีใหม่จะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อที่จะเดินหน้าพัฒนาโรงไฟฟ้าและระบบส่งเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับไฟฟ้าของไทย ซึ่งจากการศึกษาได้มีการคาดการณ์ว่าปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้ากับระบบกำลังผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่จะเท่ากัน ซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้า โดยการดำเนินการจะคำนึงถึง 2 ปัจจัย คือ ความมั่นคงระบบไฟฟ้าและราคาค่าไฟฟ้าที่จะต้องไม่สูงขึ้น
ส่วนโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนนั้นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีในแง่ของสิ่งแวดล้อม แต่ความมั่นคงอาจไม่มีจะต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่ง กฟผ.เองก็พร้อมสนับสนุนให้มากสุดตราบใดที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าที่ขณะนี้เทคโนโลยีมาแรงโดยเฉพาะโซลาร์รูฟท็อป. -สำนักข่าวไทย