fbpx

ชาวบ้านแห่ยินดี 7 ชีวิตกลับบ้าน ศาลไม่ให้ “โกรัตน์” ประกันตัว

นครศรีธรรมราช 28 ส.ค.-ชาวปากพนังนับ 100 ร่วมยินดีครอบครัวเหยื่อ “โกรัตน์” กลับถึงบ้าน พร้อมจัดอาหารเลี้ยงกันอย่างคึกคัก หลังศาลปากพนังไม่ให้ “โกรัตน์” ประกันตัว ถูกส่งเข้าคุกทันที


ที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด และพ.อ.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์จังหวัดตรัง ได้จัดรถตู้ 1 คัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวน 5 นาย นำโดย ร.อ.นิพนธ์ สุขศรีราช หัวหน้าชุดรักษาความสงบ ร.15 พัน 4 นำครอบครัวนายนิวัตน์ สุขแสง หรือ “โกรัตน์” อายุ 51 ปี เสี่ยส้มโอส่งออกรายใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วย แม่ยายนายวิรัตน์, พี่สาวภรรยานายวิรัตน์, ลูกชายวัย 15 ปี และลูกสาวฝาแฝด วัย 10 ปี ขึ้นรถตู้ที่บริเวณหน้ากองพัน เพื่อเดินทางกลับสู่บ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  “โกรัตน์” มอบตัวแล้ว หลังครอบครัวผวา ยันไม่กลับเข้าบ้าน


ขณะที่นางกมลทิพย์ กุลคง และนายสำเร็จ กุลคง ภรรยาและพ่อตาของนายวิรัตน์นั้น พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช ได้จัดรถพร้อมเจ้าหน้าที่มารับตั้งแต่เช้าตรู่ของวันเดียวกัน เพื่อรีบเดินทางไปดำเนินการยื่นเรื่องคัดค้านประกันตัวนายนิวัตน์ สุขแสง สามี ที่ผู้จับกุมในข้อหา ทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และพยายามฆ่าภรรยาตนเอง โดยสามารถเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการประกันต่อศาลจังหวัดปากพนัง จนแล้วเสร็จตั้งแต่เวลาประมาณ 09.30 น.

ส่วนเด็กๆ ต่างดีใจได้กลับบ้าน และจะได้ไปโรงเรียน หลังต้องขาดเรียนมานาน 2 สัปดาห์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารดูแลคุ้มครองนำครอบครัวของนายวิรัตน์ไปส่งให้ถึงมือของ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรับไปดูแลคุ้มครองต่อไป ตามที่ทางครอบครัวร้องขอ เนื่องจากยังเกรงกลัวจะเกิดความไม่ปลอดภัย


สำหรับครอบครัวนายวิรัตน์ สุขแสง ซึ่งประกอบด้วย พ่อตา แม่ยาย ภรรยา และลูกๆอีก 3 คน และพี่สาวภรรยานายวิรัตน์ รวมทั้งหมด 7 คน ได้หนีตายออกจากบ้านที่ อ.ปากพนัง ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม หลังนายวิรัตน์ก่อเหตุทำร้ายร่างกายภรรยาอย่างรุนแรง ทั้งใช้อาวุธปืน อาวุธมีด ของแข็ง และบีบคอ จนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และยังขู่จะฆ่าทิ้งยกครัว เหมือนกับที่เคยกระทำความรุนแรงดังกล่าวรวมทั้งกับลูกๆมาตลอดในระยะเวลา 5–6 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งหมดสุดทน จึงต้องพากันหนีตายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. และหนีต่อข้ามไปยังจังหวัดตรัง เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. จนต้องส่งตัวให้ไปหลบภัยอยู่ภายในค่ายทหารที่จังหวัดตรังดังกล่าว รวมเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ จนกระทั่งนายวิรัตน์เข้ามอบตัว ทางตำรวจได้ยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว ทั้งหมดจึงยอมเดินทางกลับ อ.ปากพนัง แต่จะต้องไปอยู่ในความคุ้มครองของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป

ช่วงเย็นทั้งหมดได้เดินทางถึงบ้านพักที่ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แล้ว มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มกันได้ร่วมเดินทางไปส่งจนถึงบ้าน เมื่อไปพบว่ามีญาติพี่น้องและชาวบ้านมาต้อนรับจำนวนนับ 100 คน เพื่อแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้านหลังต้องหนีหัวซุกหัวซุนมากว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่เด็กๆ ทั้ง 3 คน ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเพราะหวาดกลัวว่านายวิรัตน์ หรือ “โกรัตน์” จะทำร้ายตามที่ได้ขู่ไว้

มีการทำข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ทำให้บรรยากาศคึกคัก ขณะที่ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฯ ได้กล่าวกับครอบครัวของผู้เสียหายและชาวบ้านว่า ตำรวจจะเข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย และหากผู้เสียหายยังหวั่นว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่ และขอชาวบ้านช่วยกันเป็นหูเป็นตาเพื่อความอุ่นใจ

ขณะที่ศาลจังหวัดปากพนังได้พิจารณาคำร้องขอประกันตัวของนายวิรัตน์ คดีพยายามฆ่า ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ใช้วงเงิน 200,000 บาท เตรียมยื่นประกันตัว ขณะผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้าน โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว ส่งผลให้ “โกรัตน์” ถูกควบคุมตัวส่งเรือนจำจังหวัดปากพนังทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นไม่ผ่านเกณฑ์ ส่ง พฐ.ร่วมตรวจพิสูจน์

สพฐ. เผยผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ทั้งภาค ก. ภาค ข. และไม่ติด 1 ใน 10 ส่งข้อสอบให้ พฐ. ตรวจพิสูจน์เพื่อความโปร่งใส

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553