นครศรีธรรมราช 28 ส.ค.-ชาวปากพนังนับ 100 ร่วมยินดีครอบครัวเหยื่อ “โกรัตน์” กลับถึงบ้าน พร้อมจัดอาหารเลี้ยงกันอย่างคึกคัก หลังศาลปากพนังไม่ให้ “โกรัตน์” ประกันตัว ถูกส่งเข้าคุกทันที
ที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด และพ.อ.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์จังหวัดตรัง ได้จัดรถตู้ 1 คัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวน 5 นาย นำโดย ร.อ.นิพนธ์ สุขศรีราช หัวหน้าชุดรักษาความสงบ ร.15 พัน 4 นำครอบครัวนายนิวัตน์ สุขแสง หรือ “โกรัตน์” อายุ 51 ปี เสี่ยส้มโอส่งออกรายใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วย แม่ยายนายวิรัตน์, พี่สาวภรรยานายวิรัตน์, ลูกชายวัย 15 ปี และลูกสาวฝาแฝด วัย 10 ปี ขึ้นรถตู้ที่บริเวณหน้ากองพัน เพื่อเดินทางกลับสู่บ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช “โกรัตน์” มอบตัวแล้ว หลังครอบครัวผวา ยันไม่กลับเข้าบ้าน
ขณะที่นางกมลทิพย์ กุลคง และนายสำเร็จ กุลคง ภรรยาและพ่อตาของนายวิรัตน์นั้น พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช ได้จัดรถพร้อมเจ้าหน้าที่มารับตั้งแต่เช้าตรู่ของวันเดียวกัน เพื่อรีบเดินทางไปดำเนินการยื่นเรื่องคัดค้านประกันตัวนายนิวัตน์ สุขแสง สามี ที่ผู้จับกุมในข้อหา ทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และพยายามฆ่าภรรยาตนเอง โดยสามารถเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการประกันต่อศาลจังหวัดปากพนัง จนแล้วเสร็จตั้งแต่เวลาประมาณ 09.30 น.
ส่วนเด็กๆ ต่างดีใจได้กลับบ้าน และจะได้ไปโรงเรียน หลังต้องขาดเรียนมานาน 2 สัปดาห์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารดูแลคุ้มครองนำครอบครัวของนายวิรัตน์ไปส่งให้ถึงมือของ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรับไปดูแลคุ้มครองต่อไป ตามที่ทางครอบครัวร้องขอ เนื่องจากยังเกรงกลัวจะเกิดความไม่ปลอดภัย
สำหรับครอบครัวนายวิรัตน์ สุขแสง ซึ่งประกอบด้วย พ่อตา แม่ยาย ภรรยา และลูกๆอีก 3 คน และพี่สาวภรรยานายวิรัตน์ รวมทั้งหมด 7 คน ได้หนีตายออกจากบ้านที่ อ.ปากพนัง ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม หลังนายวิรัตน์ก่อเหตุทำร้ายร่างกายภรรยาอย่างรุนแรง ทั้งใช้อาวุธปืน อาวุธมีด ของแข็ง และบีบคอ จนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และยังขู่จะฆ่าทิ้งยกครัว เหมือนกับที่เคยกระทำความรุนแรงดังกล่าวรวมทั้งกับลูกๆมาตลอดในระยะเวลา 5–6 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งหมดสุดทน จึงต้องพากันหนีตายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. และหนีต่อข้ามไปยังจังหวัดตรัง เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. จนต้องส่งตัวให้ไปหลบภัยอยู่ภายในค่ายทหารที่จังหวัดตรังดังกล่าว รวมเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ จนกระทั่งนายวิรัตน์เข้ามอบตัว ทางตำรวจได้ยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว ทั้งหมดจึงยอมเดินทางกลับ อ.ปากพนัง แต่จะต้องไปอยู่ในความคุ้มครองของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป
ช่วงเย็นทั้งหมดได้เดินทางถึงบ้านพักที่ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แล้ว มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มกันได้ร่วมเดินทางไปส่งจนถึงบ้าน เมื่อไปพบว่ามีญาติพี่น้องและชาวบ้านมาต้อนรับจำนวนนับ 100 คน เพื่อแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้านหลังต้องหนีหัวซุกหัวซุนมากว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่เด็กๆ ทั้ง 3 คน ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเพราะหวาดกลัวว่านายวิรัตน์ หรือ “โกรัตน์” จะทำร้ายตามที่ได้ขู่ไว้
มีการทำข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ทำให้บรรยากาศคึกคัก ขณะที่ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฯ ได้กล่าวกับครอบครัวของผู้เสียหายและชาวบ้านว่า ตำรวจจะเข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย และหากผู้เสียหายยังหวั่นว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่ และขอชาวบ้านช่วยกันเป็นหูเป็นตาเพื่อความอุ่นใจ
ขณะที่ศาลจังหวัดปากพนังได้พิจารณาคำร้องขอประกันตัวของนายวิรัตน์ คดีพยายามฆ่า ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ใช้วงเงิน 200,000 บาท เตรียมยื่นประกันตัว ขณะผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้าน โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว ส่งผลให้ “โกรัตน์” ถูกควบคุมตัวส่งเรือนจำจังหวัดปากพนังทันที.-สำนักข่าวไทย