กรุงเทพฯ
28 ส.ค.-บมจ.ปตท.ยังไม่ระบุชัดจะกระจายหุ้นเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเมื่อใด
ขอทำแผนเพิ่มมูลค่าก่อนคาดปีนี้กำไรเพิ่มหลัง ปริมาณและราคาถ่านหิน เพิ่มสูงขึ้น
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม
และว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า การนำธุรกิจถ่านหินของ ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในอินโดนีเซียนั้น
ยังอยู่ในกระบวนการดำเนินการ ซึ่งต้องจ้างที่ปรึกษา มาดูความเหมาะสม ขายอย่างไร
เงินที่ได้จะเอาไปพัฒนาอย่างไร และคาดว่าน่าจะยังไม่มีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการปตท.ได้ในช่วงเดือน
ธ.ค.นี้
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. การกระจาย
หุ้นถ่านหิน เป็นไปตามนโยบายของปตท.ตั้งแต่แรก ซึ่งจะเข้าตลาดฯเมื่อใดนั้น ต้องศึกษารายละเอียด
และต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและทำให้หุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น
โดยแผนเบื้องต้นอาจจะทำเหมืองใต้ดินซึ่งเป็นเหมืองปิด
จากปัจจุบันที่เป็นเหมืองเปิด เพื่อให้ผลิตถ่านหินได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีแผนการลดต้นทุน
ตลอดจนนำถ่านหินแต่ละคุณภาพมาผสมเพื่อให้ได้คุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าระดับ
47 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว
หลังในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการผลิตและราคาขายถ่านหินที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยราคาถ่านหินนิวคาสเซิลอยู่ที่
102-105 เหรียญสหรัฐ/ตัน ราคาขึ้นมา ร้อยละ28 แต่ราคาของเหมือง ปตท.ขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
ร้อยละ16 เพราะที่รัฐบาลอินโดนีเซีย ขอความร่วมมือคุมราคาถ่านหิน ส่วนการผลิตปีนี้ ของ เหมือง ปตท.น่าจะผลิตได้ 8-9 ล้านตัน จาก ครึ่งแรกปีนี้ผลิตได้ 4.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ12
ปัจจุบันกลุ่ม PTT ถือหุ้นร้อยละ 94.56 ในบริษัท Sakari Resources Limited (SAR) ซึ่งทำธุรกิจเหมืองถ่านหิน Sebuku และ Jembayan ในอินโดนีเซียที่มีการผลิตแล้ว และยังถือหุ้นร้อยละ
35 ในโครงการที่บูรไน
ซึ่งได้รับสิทธิในการดำเนินการศึกษาแหล่งถ่านหิน และถือหุ้นร้อยละ 80
ในโครงการสำรวจแหล่งถ่านหินในมาดากัสการ์ด้วย -สำนักข่าวไทย