นนทบุรี 27 ส.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุเอกชนมั่นใจส่งออก 61 โตร้อยละ 9 แม้กังวลค่าบาท ดอกเบี้ย และพิษเทรดวอร์
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมคณะทำงานประชารัฐด้านการส่งเสริมการค้า ธุรกิจบริการ และการลงทุนในต่างประเทศ (D4) ครั้งที่ 2/2561 ร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกกว่า 40 ราย ว่า ได้เชิญภาคเอกชนมาหารือถึงสถานการณ์การส่งออก โดยเอกชนคาดการณ์ส่งออกทั้งปี 2561 เติบโตร้อยละ 9 มูลค่าประมาณ กว่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอยู่บนพื้นฐานการส่งออกในแต่ละภาคอุตสาหกรรมขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมปีนี้ขยายตัวร้อยละ 11 และภาคเกษตรและเกษตรแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 5 เป็นต้น
สำหรับปัจจัยที่ภาคเอกชนกังวล คือ ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงการตอบโต้การค้าในประเทศต่างๆที่เริ่มมากขึ้น และฝากให้รัฐบาลดูแลในเรื่องค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ถือเป็นข่าวดีที่ผู้ส่งออกยังมองการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง และคาดการณ์ส่งออกถึงร้อยละ 9 แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ จะยังคงคาดการณ์เดิมที่ ร้อยละ 8 ก่อน และจะมีการทบทวนอีกครั้ง หลังได้ข้อมูลและประชุมรวมกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกในเดือนตุลาคมนี้ ว่าจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขส่งออกทั้งปีนี้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่
นอกจากนี้ ในเรื่องความกังวลเรื่องราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำ ก็ได้ให้ข้อมูลใกล้ชิดกับสภาเกษตร และให้ทำความเข้าใจว่าราคาเกษตรขึ้นอยู่กับผลผลิตและความต้องการของโลกด้วย ตอนนี้ผันผวนสูง ทั้งเรื่องผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การเพิ่มผลผลิตของโลก และอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ราคาน้ำตาลทรายตกต่ำ แต่ไทยก็ยังส่งออกได้แต่มูลค่าอาจลดลง ทั้งปีก็น่าจะยังโตแต่เพียงร้อยละ 2 เท่านั้น
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเอกชนในคณะD4 กล่าวว่า แนวโน้มส่งออกครึ่งปีหลังยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง แต่ตัวเลขอาจไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก เพราะฐานมูลค่าส่งออกครึ่งปีหลังปีก่อนสูง แต่โดยภาพรวมส่งออกครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 7 โดยส่งออกกลุ่มเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวร้อยละ 5 และส่งออกภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 9 เมื่อรวมกับส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัว ร้อยละ 11 ดังนั้น มีโอกาสที่ทั้งปีจะโตได้ร้อยละ 9 หรือมีมูลค่าประมาณ 257,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาคเอกชนกังวลและอยากให้รัฐบาลดูแล คือ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อไม่กระทบต่อค่าเงินบาท แม้ตอนนี้ค่าเงิยบาทอ่อนค่าลงแต่อ่อนค่าน้อยกว่าประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ส่วนเรื่องเทรดวอร์ระยะสั้นยังไม่ได้รับผลกระทบ อุตสาหกรรมหลายชนิดยังส่งออกได้ดี เช่น รถยนต์ ที่ต้องติดตามคือภาคเกษตร ยังไม่ดีขึ้นนัก โดยเฉพาะราคามันสำปะหลัง “นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวต่อว่า ส่วนการประมาณการณ์ส่งออกในปี 2562 ตอนนี้ยังไม่กล้าประเมินล่วงหน้า เพราะหลายปัจจัยยังผันผวน โดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานิบดีสหรัฐฯว่าจะมีอะไรเพิ่มเติมอีก รวมถึงมาตรการตอบโต้ระหว่างประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก ทั้งสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป และอาเซียน โดยภาครัฐและเอกชนก็จะมีการหารือกันอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ ถึงจะชัดเจนว่าแนวโน้มและระบุคาดการณ์ตัวเลขส่งออกปี 2562 ได้ชัดเจนขึ้นได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย