สนามบินอู่ตะเภา
25 ส.ค.- สนามบินอู่ตะเภาเตรียมเปิด TOR ให้เอกชนประมูลตุลาคมนี้ เพื่อขยายรองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคน ในช่วง 5 ปี
ข้างหน้า พร้อมร่วมพัฒนาการวิจัยร่วมกับสถาบันวิทยสิริเมธี
พัฒนาบุคคลากรรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
นำนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะเดินทางเยือน ชมแผนก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาเฟส
2 หลังจากได้เปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินจากดอนเมือง -สุวรรณภูมิ -อู่ตะเภา ช่วงที่ผ่านมา ได้มีเอกชนจีนรายใหญ่ 7
รายยื่นซองประมูล ในส่วนการลงทุนสนามบินอู่ตะเภาจะเปิดTOR เพื่อให้เอกชนซื้อซองประมูลได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้
จากความพร้อมและความคืบหน้าในหลายด้าน โดยคาดว่าการลงทุนของจีนในเขตอีอีซี
6 เดือนข้างหน้าจะคืบหน้าไปมาก
นายคณิศ
แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า
สนามบินอู่ตะเภาเฟสแรก 1 รันเวย์ มีผู้โดยสารเดินทาง 7 แสนคนต่อปี และในปีนี้จะเพิ่มเป็น
2 ล้านคน เมื่อพัฒนารันเวย์ที่ 2 เพิ่มเติมพร้อมอาคารที่พักผู้โดยสาร
จะรองรับผู้โดยสารได้จำนวน 60 ล้านคนในช่วง 5 ปี ข้างหน้า
เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 4-5 ล้านคนต่อปี
จึงทำให้สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิรองรับได้ไม่ทัน
รัฐบาลจึงต้องลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเฟส 2 ด้วยเงินลงทุน 6,000
ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างรันเวย์ใหม่ อาคารที่พักผู้โดยสารแห่งใหม่
ศูนย์ซ่อมอากาศยาน นับเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของอาเซียนอีกแห่งหนึ่ง
เพื่อพัฒนาอู่ตะเภาให้เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเมืองพัทยา 10 ล้านคนต่อปี
สามารถเดินทางมาลงสนามบินอู่ตะเภาได้สะดวกมากขึ้นและยังเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯโดยรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเพียง
45 นาที
จากนั้นนายหวัง
หย่ง พร้อมคณะเดินทางต่อไปเยี่ยมชมสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) จังหวัดระยอง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวชี้แจงว่า สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) เป็นมหาวิทยาลัยที่รวมวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน
เพื่อศึกษาและวิจัยอุตสหากรรมแห่งอนาคต
ขณะนี้เป็นมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยอันดับหนึ่งของไทย เมื่อมุ่งเน้นศึกษาด้านอวกาศ
ด้านนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของไทย จึงต้องการดึงจีนมาร่วมพัฒนา EECi ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ตลอดจนสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะด้าน สถาบันฯ มุ่งก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ
ติดอันดับ 1 ใน 50 ของโลก และเป็น World Research University ภายในปี 2035 หรือ พ.ศ.
2578.-สำนักข่าวไทย