นักลงทุนจีนลงพื้นที่อีอีซีเตรียมลงทุนในหลายอุตสาหกรรม

เมืองพัทยา
25 ส.ค.- รัฐบาลนำเอกชนจีนลงพื้นที่เขตอีอีซี สำรวจลู่ทางการลงทุน
หน่วยงานรัฐและเอกชน
ร่วมลงนาม 10 ฉบับ จับมือกับจีน ร่วมพัฒนาเขตอีอีซี ทั้งศูนย์วิจัย
เชื่อมโยงสายเคเบิลใต้น้ำ ระบุเอกชนจีนสนใจ
ลงทุนทั้งด้านโลจิสติกส์ ระบบขนส่ง ด้านอสังหาฯ


นายสมคิด
จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพิเชฐ ดุรง
คเวโรจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 
(EEC) ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม 10 ฉบับ ระหว่างหน่วยงานรัฐ ทั้งอีอีซี
รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน

รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า
ภายหลังการลงนามความร่วมมือด้านอวกาศแล้ว
ช่วงกลางเดือนหน้าจะส่งนักบินอวกาศไทยเข้าไปร่วมฝึกอบรมด้านอวกาศการเดินทางไปดาวอังคาร
ส่วนความร่วมมือด้านเกษตรสมัยใหม่ ยกระดับเกษตรแม่นยำ ไบโอฟาร์มา เพื่อพัฒนาในเขต
EECi ของไทยในภาคตะวันออก
เพื่อสร้างวิทยาศาสตร์แห่งอนาคต การทดลองเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษต
รของไทย ผ่าน Food Innopolis หรือศูนย์นวัตกรรมอาหาร การลงนามระหว่างมหาวิทยาลัยชิงหัวกับ Touch เพื่อบ่มเพาะนักวิจัย
เพื่อให้สถาบันวิจั
ยของจีนได้ช่วยพัฒนางานวิจัยสมัยใหม่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย
ตลอดจนการลงนามร่วมกันระหว่าง กสท โทรคมนาคม
(CAT) กับ CAC ของจีน เพื่อร่วมวางเคเบิลใต้น้ำ
เส้นทางซับมารีนเคเบิลใต้น้ำ ไทย- ฮ่องกง-จีน
เพื่อเปิดศักราชเพิ่มความจุของสายเคเบิลให้ส่งข้อมูลขน
าดใหญ่จากจีนต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน CLMVT ด้วยบรอดแบนด์ขนาดใหญ่ และยังลงนามร่วมพัฒนาศูนย์ดิจิทัลสตาร์ทอัพ
รองรับกา
รพัฒนาอินเทอร์เน็ต (Internet of Things ; IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต


การลงนามสำหรับด้านการลงทุนของการนิคมอุตสาหกรรม และ CPLand
เพื่อรองรับอุตสาหกรรมของจีนมาตั้งในเขตนิคม
และยังมีสภาอุตสาหกรรม ร่วมมือกับสภาธุรกิจไทย-จีน
เพื่อยกระดับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิมและอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่
12 สาขา โดยมีอุตสาหกรรมที่ตรงกับจีนต้องการพัฒนาถึง
6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่
หุ่นยนต์อัตโนมัติ ยานยนต์ไฟฟ้า ไบโอชีวภาพ
ดิจิทัล อิเล็ก
ทรอนิกส์ จึงต้องเร่งสร้างบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย
หลังจากได้ตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่ายไทย-จีน
3 กระทรวง คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์ ดิจิทัล อุตสาหกรรม และสถาบัน VISTEC เพื่อสร้างนวัตกรรม
ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ตลอดจนระบบการรักษา
ความปลอดภัยจากไซเบอร์ การโจรกรรมข้อมูล 
สำหรับการลงนามร่วมกันของหัวเหว่ยกับกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อร่วมกันสร้างสนามทดสอบคลื่นความถี่
5G หากใช้งานจนได้มาตรฐานแล้ว จะได้นำระบบ 5G ออกมาขยายผลให้บริการกับประชาชน
เพื่อสร้างไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ 

รวมทั้งการลงนามเพื่อส่งเสริมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแนวใหม่ ไทย-จีน
ยังพร้อมร่วมมือ
ด้านการท่องเที่ยว การสร้างสวนยางพารา
น้ำพุร้อน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ การร่วมพัฒนาเรือขนส่งผู้โดยสาร
คล้ายเรือเฟอร์รี เพื่อเชื่อมเขต
EEC ภาคตะวันออก กับเขต SEC ในภาคใต้ เพื่อล่องเรือชายฝั่ง
การส่งเสริมการตั้งกองถ่ายภาพยนตร์ เพื่อสร้าง
ภาพยนตร์ไทยนำออกไปฉายยังจีน ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ
ยอมรับว่าปัญหาอุบัติเหตุเรือล่มที่เกาะสมุย จีนไม่ติดใจเรื่องดังกล่าวแล้ว
หลังเห็นว่าไทยให้ความสำคัญดูแลปัญหาดังกล่าว


นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้พานักลงทุนจีนลงพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อดำเนินการตามผลประชุมหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย-จีน (JC) หวังสร้างความร่วมมือทั้งเชิงลึกและในแนวกว้างให้มากขึ้น
หลังจากได้ตั้งคณะทำงานร่วมมุ่งขจัดปัญหาอุปสรรคในทุกมิติ การมุ่งสร้างความเชื่อมโยงจากกลุ่ม
CLMV ผ่านไปยังมณฑลกวางตุ้งและมาเก๊า กว้างซีจ้วง กระชับสัมพันธ์ในระดับมณฑลกับไทย เมื่อระดับ CEO ของเอกชนรายใหญ่ 32 แห่ง
ติดอันดับ
500 แห่งรายใหญ่ อาทิ ไชน่า รีซอร์ท
ผู้บริหารอาคาร
ALL
Season
ย่านถนนวิทยุ
ได้ซื้อซองประกวดราคารถไฟฟ้าเชื่อม
3 สนามบิน ส่วนรายอื่นสนใจทั้งการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 การพัฒนาสนามบิน
การลงทุนด้านเกษตรชีวภาพ อสังหาฯ หวังเพิ่มเส้นทางการบินไทย-จีน จากเดิม
30-40 เที่ยวบิน/เดือน เพิ่มเติม 2,000 เที่ยว/เดือน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]