ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 23 ส.ค.- “พล.ต.อ.วัชรพล” ยืนยันตั้งข้อกล่าวหาตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศและแฟลตตำรวจ ไม่เกี่ยวการเมือง ขณะเดียวกันไม่สามารถระบุได้ว่าจะเสร็จก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนปมนาฬิกาหรู ยังอยู่ระหว่างขอข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต
ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) กล่าวถึงการไลฟ์สดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน ภายหลังจาก ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคดีกล่าวหาทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง ว่า การแจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ในช่วงที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งพรรคการเมืองและเตรียมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปตามกระบวนการของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องดังกล่าวจะเสร็จสิ้นก่อนที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกัน เพราะกระบวนการของ ป.ป.ช. ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะนำข้อมูลที่ได้จากการชี้แจงมาวิเคราะห์ ประกอบพยานหลักฐาน จัดทำความเห็นและเข้าสู่องค์คณะไต่สวน ให้วิเคราะห์พยานหลักฐานว่าจะต้องมีการไต่สวนเพิ่มเติมหรือไม่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงเวลาใด
ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า ตามกระบวนการของ ป.ป.ช. เมื่อมาถึงขั้นตอนของการชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว ก็ถือว่าอยู่ในขั้นตอนท้าย ๆ ของการไต่สวน ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่สาเหตุที่ได้รับความสนใจจากประชาชน เพราะอยู่ในขั้นตอนท้าย ๆ ของการไต่สวน และไม่ได้มองว่าการที่นายสุเทพ ไลฟ์สดเกือบทุกวัน ซึ่งมีการพาดพิงถึง ป.ป.ช. ภายหลังจากที่ตั้งข้อกล่าวหานั้น ไม่ได้เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือต่อการทำงานของ ป.ป.ช. แต่อย่างใด ตนมองว่ายิ่งมีเสียงติติงเข้ามา ป.ป.ช. ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังและรอบคอบในการทำงานมากขึ้น ขณะเดียวกันเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายสุเทพที่สามารถกระทำได้
พล.ต.อ.วัชรพล ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปถึงสถานทูตของประเทศผู้ผลิตนาฬิกา เพื่อให้ทางสถานทูตทำหนังสือขอรายละเอียดจากบริษัทผู้ผลิต ดังนั้นต้องรอคำตอบจากบริษัทผู้ผลิตนาฬิกา ขณะที่การตรวจสอบจะสิ้นสุดเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการไต่สวนที่จะวินิจฉัย ภายหลังจากที่ได้พยานหลักฐานครบถ้วนและเพียงพอแล้ว.-สำนักข่าวไทย