กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – “ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ชี้แจงกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังตกเป็นข่าว ในเรื่องการหลอกลงทุนเงินดิจิทัล ยืนยันเป็นผู้เสียหาย / แพะรับบาป
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีบิทคอยน์เป็นครั้งแรก โดยมีเอกสารประกอบการแถลงข่าว และในเอกสารระบุว่า ตนเป็นแพะรับบาป โดยได้รู้จักกับนายปริญญา จารวิจิต ผ่านเฟซบุ๊ก และนายปริญญา ได้พานายเอออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ พร้อมกับนางสาวชนนิกานต์ แก้วกาสี (แตงโม) แฟนสาว มาทำความรู้จักจนมีความสนิทสนมกัน
นายประสิทธิ์กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจทั้ง 4 ฝ่าย คือ นายปริญญา ซึ่งมีคอนเนคชั่นกับประเทศเกาหลีและมาเก๊า , นายซาคริส อาหมัด มีคอนเนคชั่นทางยุโรป และเป็นผู้ทำสัญญากับนายอาร์นี ส่วนนายอาร์นีมีความสามารถและเชี่ยวชาญด้าน blockchain และตัวนายประสิทธิ์ทำหน้าทิ่เป็น Deal maker เพราะมีความชำนาญด้านหุ้น
หลังจากทำงานร่วมกันไม่ถึง 4 เดือน น.ส.แตงโม มีข้อสงสัย เช่น ทำไม่ไม่โอนหุ้นให้ลูกค้า ,ไม่โอนเงินเข้าบริษัท และนายปริญญา เพราะมีพฤติกรรมแปลกๆ ในเรื่องความไม่โปร่งใส จนมีปากเสียงกัน และสุดท้ายทำให้ได้ขอยุติการร่วมงานกัน และนายปริญญาได้ไล่นายประสิทธิ์ อาร์นี แตงโม ออกจากห้องประชุมในวันนั้น
สำหรับความเสียหายในการร่วมงานกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาร์นีและแตงโม ที่เสียหายบิทคอยน์ และนายประสิทธิ์ที่เสียหายหุ้นให้กับนายปริญญา โดยลูกค้าของนายประสิทธิ์ได้โอนหุ้นให้นายปริญญา โดยใช้เครดิตจากนายประสิทธิ์
นายประสิทธิ์กล่าวว่า จากความเสียหาย มีผู้ใหญ่แนะนำให้หารือกับผู้กองธรรมนัส ให้มาเป็นคนกลาง ซึ่งนายปริญญาก็ยินยอมโอนหุ้นมาฝากไว้ที่ผู้กองธรรมนัสกว่า 400 ล้านหุ้น และเป็นหุ้นที่นายปริญญายังชำระค่าหุ้นไม่ครบ และเมื่อเรื่องคลี่คลาย ก็จะโอนหุ้นคืนไปยังลูกค้าต่อไป สำหรับนายอาร์นีได้รับหุ้นดีเอ็นเอ เรียบร้อยแล้ว รวมเป็นมูลค่า 240 ล้านบาท โดยมีเอกสารลงนามระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย เรียบร้อยแล้ว
“หลังจากนั้ ผู้กองธรรมนัส ได้หารือเรื่องธุรกิจ และให้ผมหาซื้อหุ้นดีเอ็นเอมาเพื่อลงทุนต่อไป เพราะเห็นว่า เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี น่าลงทุนในระยะยาว และอยากขอบคุณผู้กองธรรมนัสที่เข้ามาช่วยเจรจา และต้องขอโทษที่ทำให้มีชื่อปรากฏผ่านสื่อ และอาจทำให้ต้องเดือดร้อน” นายประสิทธิ์กล่าว
ส่วนกรณีตำรวจบุกไปที่บ้าน นายประสิทธิ์ยอมรับว่า ได้มาจริง แต่เป็นการพูดคุยสอบถามกันอย่างสุภาพ และ 16 สิงหาคม ตนได้เดินทางไปกองปราบโดยไม่มีหมายเรียก แต่ไปเพื่อให้ปากคำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่า พร้อมจะให้ปากคำตลอดเวลาที่กองปราบต้องการ – สำนักข่าวไทย