กรุงเทพฯ 15 ส.ค.- ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย กับส.ต.ท.จุติพงษ์ ยับ สังกัด สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ร่วมกับพวกจับลูกหนี้ใน.จ.นครศรีธรรมราช กักขังหน่วงเหนี่ยวและพกพาอาวุธปืน สอบสวนอ้างต้องการทวงหนี้ 8 หมื่นบาท
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่มีการจับกุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจกับพวก รวม 4 คน ใช้อาวุธปืนร่วมกันนำตัวผู้เสียหายไปเรียกค่าไถ่ เหตุเกิดในพื้นที่ จว.นครศรีธรรมราช ว่า ได้รับรายงานจาก ภ.จว.นครศรีธรรมราช ว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2561 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันจับกุมตัว ส.ต.ท.จุติพงษ์ ยับ อายุ 26 ปี ผบ.หมู่(นปพ.)สภ.รือเสาะ จว.นราธิวาส พร้อมของกลาง 1.อาวุธปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. 1 กระบอก 2.อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 1 กระบอก 3.เครื่องกระสุนปืน 4.เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ชุด 5.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน 6.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง 7.สมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม โดยกล่าวหาว่า “ เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ หน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลใดบุคคลหนึ่ง, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือจำเป็นเร่งด่วน, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต “ ส่ง พงส.สภ.พิปูน จว.นครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2561 เวลา 03.00 น. ผู้ต้องหากับพวก รวม 4 คน ใช้อาวุธปืนของกลางบุกเข้าไปบ้านผู้เสียหายที่เกิดเหตุ ทวงถามเงินที่เป็นหนี้อยู่ จำนวน 80,000 บาท จากผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่มีให้ ผู้ต้องหากับพวกจึงได้ใช้ผ้าผูกปิดตาผู้เสียหายนำไปกักขังไว้ที่เขตพื้นที่ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช หลังจากนั้น ส.ต.ท.จุติพงษ์ฯ ได้ไปร่วมงานศพที่ อ.ท่าศาลา โดยให้พวกตนที่เหลือเฝ้าผู้เสียหายไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเเจ้งเหตุ แล้ววางแผนติดตามไปจับกุม ส.ต.ท.จุติพงษ์ฯ พร้อมนายเทพประสิทธิ์ เยาวชนอายุ 17 ปี ไว้ได้ จากนั้นได้ทำการช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกกักขังไว้ที่ อ.พรหมคีรี ได้โดยปลอดภัย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยนายเทพประสิทธิ์ฯ นั้นยังถูกดำเนินคดีในข้อหา เสพและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย อีกด้วย
รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบเเล้ว ท่านได้กำชับให้เร่งติดตามผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว หากการสืบสวนสอบสวนพบว่ากระทำผิดจริงให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งวินัยและอาญา เพราะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดเสียเอง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อองค์กร
อีกทั้งได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาคอยสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดทั้งในเวลาราชการและนอกราชการ ซึ่งอาจมีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดที่กฎหมาย.-สำนักข่าวไทย