กรุงเทพฯ 13 ส.ค.-กีฬาบริดจ์ ในเอเชียนเกมส์ 2018 ทีมชาติไทย ตั้งเป้าคว้า 1 เหรียญทอง จาก 3 ประเภทที่ส่งเข้าร่วมแข่งขันไป ติดตามใน “เกาะติดเอเชียนเกมส์”
“บริดจ์” หนึ่งในกีฬาที่บริษัท ปตท.จำกัด มหาชนให้การสนับสนุน แม้จะเป็นกีฬาที่คนไทยยังเข้าถึงได้น้อย แต่ความสามารถของนักกีฬาก็อยู่อันดับต้นๆ ของเอเชีย เป็นรองแค่จีน กับ อินโดนีเซีย ส่วนเอเชียนเกมส์ที่อินโดนีเซีย ที่กำลังจะมาถึง ตัวแทนนักกีฬาไทยทั้ง 21 คน ชายหญิง ผ่านการคัดกรอง ที่ได้นักบริดจ์ยอดฝีมือ ในการประลอง 3 ประเภท แบ่งเป็นทีมชาย-คู่ชาย ทีมผสม-คู่ผสม และทีมคู่ผสมซูเปอร์ ชายคู่-หญิงคู่
การฝึกซ้อมของนักกีฬาบริดจ์ อาจแตกต่างจากสมาคมกีฬาชนิดอื่น เพราะนักกีฬาบริดจ์ มาจากหลายหลายอาชีพ เช่น หมอ, พนักงานบริษัท, ราชการ, ธุรกิจส่วนตัว ดังนั้น การฝึกต้องหลังจากเลิกงาน และเสาร์-อาทิตย์ เต็มวัน ดังนั้น นักกีฬาต้องเสียสละเวลาหรือชีวิตส่วนตัวมากกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ
ล่าสุด ไทยเพิ่งคว้าเหรียญทองจากประเภทชายคู่ในศึกเอเชียนคัพที่อินเดียในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดังนั้น เป้าหมายในเอเชียนเกมส์นี้ คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย และอดีตเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบันยังเป็นนักกีฬาบริดจ์ทีมชาติไทย เปิดเผยว่า สมาคมตั้งเป้าอย่างน้อย 1เหรียญทอง ซึ่งโค้งสุดท้ายทุกคนซ้อมเข้มตามแทคติกของโค้ช
ด้านพีรชา สุริยา เจ้าของเหรียญทองแดงเอเชียนคัพ ที่อินเดีย เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนและคู่หู จิตตกานต์ ปัจฉิมสวัสดิ์ เน้นที่การความสัมพันธ์ภายในทีม
ปัจจัยหลักที่ทำให้นักกีฬาชนิดนี้แข็งแกร่ง คือ การมีสมาธิ, ความจำที่แม่นยำ, การคาดการณ์ความเป็นไปได้ และความสัมพันธ์ภายในทีม.-สำนักข่าวไทย