สธ.19 ก.ย.-รมว.สาธารณสุข เผยพบโรคซิการะบาดแล้ว 5ประเทศประชุมทางไกล สธ.อาเซียน รับมือร่วมกัน ทั้งเฝ้าระวัง แลกเปลี่ยนข้อมูล ตรวจวินิจฉัย และการวิจัย
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาแนวทางความร่วมมือการป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสซิกาในอาเซียน ร่วมกับ รมว.สธ.อาเซียนอีก 9 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย พม่ากัมพูชา ลาว สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไนดารุส-ซาลาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียว่า จากการประชุมพบว่าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในภูมิภาคอาเซียน มีรายงานการตรวจพบผู้เชื้อแล้ว 5 ประเทศ ได้แก่มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม
ขณะนี้องค์การอนามัยโลกได้ประกาศ ให้ภาวะแทรกซ้อนเด็กทารกแรกเกิดศีรษะเล็กผิดปกติจากเชื้อไวรัสซิกาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ที่นานาชาติต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหา ขณะที่การวิจัยพบโรคนี้มีความเชื่อมโยงกับทารกแรกเกิดจากมารดาที่ติดเชื้อมีศีรษะเล็ก หรือสมองเล็ก และเชื่อมโยงกับอาการเส้นประสาทอักเสบ แม้เชื้อไวรัสซิกา ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการเล็กน้อยและหายเอง แต่ประเทศอาเซียนได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่หลากหลาย ทั้งการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย สื่อสารสาธารณะ และมาตรการป้องกันอื่นๆรวมถึงการตรวจวินิจฉัยด้วย โดยไทยลงทุนเรื่องนี้กว่า 29ล้านบาท ซึ่งจากประสบการณ์การป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่และโรคติดต่ออุบัติซ้ำที่ผ่านมา พบผลกระทบไม่เพียงทำให้เกิดการเจ็บป่วย พิการ หรือเสียชีวิต แต่ยังกระทบวงกว้างต่อเศรษฐกิจ สังคมและความตื่นตระหนกของประชาชน
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ทำการบันทึกข้อตกลงร่วมกันในอาเซียน (joint statement) ทั้งหมด 5 ข้อ คือ 1.การเสริมสร้างยกระดับการเฝ้าระวังในประเทศตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก 2.การแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในกลไกการทำงานตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ3.เพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง และการตอบโต้โรคอุบัติใหม่ภายใต้กลไกอาเซียน 4. สร้างความเข้มแข็งในกระบวนการวินิจฉัย ซึ่งอินโดนีเซียเป็นผู้เสนอข้อนี้ เนื่องจากมองว่าหากไม่มีการตรวจวินิจฉัยที่ละเอียด ก็ทำให้ไปพบการติดเชื้อ ดังนั้นจึงต้องพยายามตรวจให้เจอ เพื่อจะได้ระงับการแพร่ระบาด และ 5.การวิจัยร่วมกันอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามการป้องกันที่สำคัญที่สุดคือการทำลายแหล่งเพาะพันธ์ ที่ทุกประเทศทำร่วมกัน และเจาะจงมากพิเศษ โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่ทำอย่างจริงจัง ส่วยไทยอยากฝากทุกคนต้องช่วยกัน ดูแลภายในบ้านของตัวเองอย่างเข้มงวด ไม่ใช่หวังพึ่งแต่ราขการ ในการฉีดสารเคมี ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ .-สำนักข่าวไทย