กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – กนง.มีมติ 6:1 เสียงคงดอกเบี้ยนโยบาย ติดตามความเสี่ยงสงครามการค้า แนวโน้มท่องเที่ยวโตต่ำ ชี้ความจำเป็นใช้นโยบายผ่อนคลายน้อยลง
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดย 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 1.50 เป็น 1.75 ต่อปี ซึ่งในการประชุม 2 ครั้งล่าสุด กนง.มีความเห็นชัดเจนว่าความจำเป็นในการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายน้อยลงแล้ว
ทั้งนี้ ในการตัดสินนโยบายคณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามแรงส่งอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังต้องติดตามการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน หลังเกิดเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต แต่เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม แม้การท่องเที่ยวจะถูกกระทบ แต่ยังมีการส่งออกที่ขยายตัวดี และการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีกว่าคาดเป็นตัวสนับสนุนเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ ผลกระทบเรื่องสงครามการค้า มาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าของสหรัฐ ที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นบางพื้นที่ ยังไม่มีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากน้ำท่วมเกิดเฉพาะบางพื้นที่ เช่น จังหวัดนครพนมและสกลนคร เป็นช่วงเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเพชรบุรี มองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น ผลกระทบต่อเงินเฟ้อยังไม่มาก และคาดว่าเดือนกันยายน-ตุลาคม 2561 ฝนน่าจะตกเบาบางลง
นายจาตุรงค์ กล่าวด้วยว่า กนง.ให้ติดตามพฤติกรรมการก่อหนี้ของภาคครัวเรือน เนื่องจากสถานะหนี้ครัวเรือนยังไม่ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจดีกว่า 9 เดือนที่ผ่านมา แต่เฉพาะการใช้จ่ายของคนระดับกลางถึงระดับบนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังให้ติดตามภาวะการแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและภาวะอุปทานคงค้างของอาคารชุดในบางพื้นที่อย่างใกล้ชิด สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีความเปราะบางมากขึ้น และติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจเอสเอ็มอีโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชิงโครงสร้างและรูปแบบการทำธุรกิจ.- สำนักข่าวไทย