ศธ. 6 ส.ค.-ผู้กู้หนี้วิกฤติ ช.พ.ค.ประนอมหนี้แล้ว1,553 คนจาก 4,000 คน ส่วนที่เหลือขอให้เร่งมาปรับโครงสร้างหนี้ ด้าน ธ.ออมสินคืนเงิน สกสค.กว่า 2,000 ล้านบาท เหตุหักค่าบริหารจัดการกองทุนช.พ.ค.ตามสัญญาเก่า ย้ำเปลี่ยนหลักค้ำประกันได้ ไม่ต้องชดเชยเป็นเงิน ช.พ.ค.อย่างเดียว ส่วนการประกันในเงินกู้เตรียมประสานบริษัทประกันอื่นๆ มายื่นข้อเสนอ ผู้กู้ ช.พ.ค.สามารถเลือกได้ตามต้องการ
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)ร่วมกับนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เกี่ยวกับข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ตั้งแต่โครงการ2-7 รวมกว่า 475,000 บัญชี มูลหนี้กว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งการเจรจาได้บรรลุข้อตกลงและจะมีผลทันทีเมื่อ สกสค.และธนาคารออมสินลงนามบันทึกความร่วมมือ โดยธนาคารออมสินตกลงกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า ที่ประชุมได้การพิจารณากรณีเงินที่หักจากโครงการ ช.พ.ค.ตั้งแต่โครงการที่ 2-7 จำนวนร้อยละ 0.5-1 เป็นค่าบริหารจัดการให้แก่ สกสค.เนื่องจากธนาคารออมสินหักเงินตามข้อตกลงเก่านั้น ขณะนี้ทางธนาคารออมสินได้นำเงินที่ผู้กู้หนี้ได้มาชำระตามขั้นตอนถูกต้องมาคืนแล้วจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท จากค่าบริหารจัดการกองทุนโครงการเงินกู้ ช.พ.ค.ที่ทางธนาคารออมสินได้หักจากบัญชีสำนักงาน สกสค.ไปกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือทางธนาคารออมสินจะนำมาทยอยคืนตามที่มีผู้กู้หนี้มาชำระคืน
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีผู้เป็นหนี้วิกฤติ ช.พ.ค.หรือผู้กู้หนี้ ที่ค้างชำระเกิน 3 งวด ประมาณ 4,000 คนที่ธนาคารออมสินได้ดำเนินการฟ้องร้องนั้น ตอนนี้มีผู้มาประนอมหนี้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วประมาณ 1,500 คน ส่วนที่เหลือทางธนาคารออมสินได้เปิดโอกาสให้สามารถมาประนอมหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ได้
ส่วนเรื่องกรณีการชดใช้เงินคืนกองทุนเงิน ช.พ.ค. หากผู้ชำระหนี้ในกองทุนเสียชีวิตแล้วเกิดข้อซักถามว่าทำไมต้องชดใช้เงินคืนให้แก่ทางธนาคารออมสิน แทนที่ลูกหลานจะได้รับเงินดังกล่าวนั้น ทางธนาคารมีความประสงค์มานานแล้วและพร้อมที่จะให้เปลี่ยนเป็นหลักทรัพย์ประกันอย่างอื่น โดยอาจจะไม่หักเงินจาก ช.พ.ค.และในเรื่องการทำประชีวิตของผู้กู้เงินในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะมีครูบางส่วนที่ทำประกันชีวิตครบตามสัญญาแล้วนั้น ทางธนาคารออมสิน จะไปหาบริษัทประกันอื่นๆ นอกเหนือจากของธนาคารออมสินเพื่อเป็นข้อเสนอที่ดีและช่วยเหลือผู้กู้ ซึ่งผู้กู้สามารถเลือกได้ตามความต้องการ
นายชาติชาย กล่าวว่า การฟ้องร้องผู้กู้วิกฤติจำนวนกว่า4,000คนนั้น ทางธนาคารได้มีการฟ้องร้องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ไม่ใช่พึ่งมีกรณีดังกล่าวถึงได้ดำเนินการฟ้องร้อง เพราะเป็นไปตามกลไกของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ทางธนาคารออมสินจะมีการฟ้องร้องประมาณกว่า 4,000 คน แต่ขณะนี้มีครูที่สามารถมาชำระหนี้และปิดบัญชี 178 คน และอีกส่วนได้เข้ามาประนอมหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ กลายเป็นผู้กู้หนี้ปกติ 1,375 คน รวมแล้วขณะนี้มีผู้ที่ไม่ได้ถือว่าอยู่ในกระบวนการฟ้องร้องประมาณ 1,553 คน เพราะถือว่าได้มีการประนอมหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้กันแล้ว
ทั้งนี้ ส่วนผู้กู้หนี้ที่เหลือประมาณกว่า 2,000 คนนั้น ทางธนาคารออมสินยังเปิดให้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ อยากเชิญชวนให้ทุกคนเข้าร่วมตามกระบวน การปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย รวมถึงผู้ที่เป็นหนี้ปกติ หากไม่สามารถผ่อนชำระไหวหรือมีปัญหาในการผ่อนชำระหนี้ก็สามารถมาขอประนอมหนี้ ปรับโครงสร้างได้เช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีการเปลี่ยนหลักประกันในการกู้เงินช.พ.ค.นั้น เรื่องนี้ทางธนาคารได้มีการดำเนินการให้สามารถปรับเปลี่ยนหลักประกันได้ตลอดเวลา ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.2561 ซึ่งหากผู้กู้หนี้ ช.พ.ค. อยากปรับเปลี่ยนหลักประกันก็สามารถดำเนินการได้.-สำนักข่าวไทย