กรุงเทพฯ 5 ส.ค.- “จตุพร” พบกลุ่ม นปช. หลังพ้นโทษ ระบุประตูสภาฯปิด ลงสมัครส.ส.ไม่ได้ ต้องพ้นโทษครบ10ปีก่อน ชี้การดูดส.ส. ไม่น่ากลัว เท่าวิกฤตศรัทธาของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นเวทีพบปะกลุ่มคนเสื้อแดงที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว ภายหลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วานนี้ (4 ส.ค.) หลังได้รับโทษตามคำพิพาษาศาลฎีกาในคดีหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ครบ 1 ปี 15 วัน โดยมีแกนนำกลุ่ม นปช. อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายขวัญชัย ไพรพนา และนายเจ๋ง ดอกจิก
นายจตุพร กล่าวบนเวทีว่า ปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องการดูดสมาชิกพรรคการเมือง หรือเรื่องของการเลือกตั้ง เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องใหญ่คือ วิกฤตศรัทธาที่จะนำบ้านเมืองกลับมาจุดเดิม ซึ่งตนเองต้องการให้บ้านเมืองเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำไม่เคยพกความแค้นเข้าไป และได้บอกให้ทุกคนที่เข้าไปในเรือนจำ โดยให้คิดว่าเราเป็นนักโทษและรอวันพ้นโทษเท่านั้น จึงต้องทำใจให้ได้ และหลังพ้นโทษออกมาตนไม่เคยมีความแค้น มีแต่ความรักชาติบ้านเมือง และไม่ต้องการให้มีความสูญเสียกับการเรียกร้องประชาธิปไตยเหมือนที่ผ่านมา
นางธิดา กล่าวว่า การมารวมตัวกันวันนี้ ไม่ได้มีการนัดจัดตั้งใด ๆ เป็นเรื่องธรรมชาติ และความสะดวกของทุกคน ซึ่งทุกคนปลื้มใจที่นายจตุพรกลับมาอยู่เคียงข้างทุกคนและมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งนายจตุพรจะต้องพิสูจน์ตนเอง แม้การเข้าเรือนจำจะเป็นการพิสูจน์ในรูปแบบหนึ่ง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงว่า ส่วนตัวไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ เนื่องจากเคยถูกจำคุก ซึ่งตามกฎหมายจะต้องพ้นโทษครบ 10 ปีก่อน ดังนั้น ประตูสภาฯคงปิดสำหรับตน และเชื่อว่ากรอบเวลาการเลือกตั้งในขณะนี้ ยังไม่ชัดเจน แต่หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ฝ่ายการเมืองต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกหยิบยกเรื่องราวต่างที่เป็นสาเหตุนำไปสู่การยึดอำนาจ เพราะสิ่งที่ทำในวันนี้ จะถูกหยิบยกขึ้นมาทำให้ล้มกระดานได้ตลอดเวลา ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ยังคงดำเนินการไปในทิศทางเดิม คือ ทำหน้าที่ของประชาชนในการช่วยตรวจสอบการเลือกตั้ง และรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
นายจตุพร กล่าวว่า ความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่ผลของการเลือกตั้ง ที่น่ากลัวสำคัญ คือวิกฤตศรัทธาของประชาชน และความเสื่อมของการเมือง เช่นเดียวกับการดูดสมาชิกพรรคการเมือง ก็ไม่น่ากลัว เพราะที่ผ่านยังไม่เคยเห็นว่าประชาชนตัดสินใจเลือกบุคคลใด เพียงเพราะสถานะที่ดีกว่าและการย้ายกลุ่มต่างๆ ก็จะไม่ส่งผลต่อคะแนนเสียง แต่จะส่งผลต่อความเสื่อมของประชาธิปไตย นปช.ยังคงยืนยันจุดยืนเดิมที่ปฏิบัติมา รวมถึงจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความปรองดองเหมือนที่ทำมาโดยตลอด
นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาในเรือนจำมีโอกาส พบและพูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีต พระพุทธะอิสระ ที่แม้จะมีความคิดเห็นต่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันได้ และไม่เคยมีปัญหาในเรื่องส่วนตัว แต่ทั้งหมดคือแนวทางเรื่องส่วนรวมของประเทศชาติ .-สำนักข่าวไทย