กรุงเทพฯ 3 ส.ค.- ผบช.ก.ประชุมเร่งรัดคดีอุกฉกรรจ์ สั่งตำรวจส่วนกลางลงพื้นที่ช่วยติดตามคนร้ายฆ่าในหลายพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว ส่วนคดีทุจริตเงินทอนวัดมั่นใจในพยานหลักฐาน ที่จะเอาผิดผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด
พลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยก่อนการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีต่างๆ ว่า ในส่วนของคดีเงินทอนวัด จะช้าเล็กน้อย เนื่องจากมีขั้นตอนทางกฎหมาย ที่จะต้องส่งให้ ป.ป.ช. และรอให้ป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับมา แต่ก็มีการประสานงานกันอยู่ และต้องหารให้คดีนี้เป็นแบบอย่างให้ผู้ที่คิดจะทุจริตในกระทรวงทบวงกรมอื่นเป็นกรณีศึกษา เจ้าหน้าที่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
ส่วนคดีอุกฉกรรจ์ที่ประชาชนให้ความสนใจ เช่น คดีคนร้ายยิงหน้าสถานบันเทิงที่ จ.ระนอง คดียิง 2 ศพ ที่เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี รวมถึงคดีน้องหญิงที่เสียชีวิต ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งคดียิงที่ จ.ระนองกับจ.ชลบุรี เป็นคดีสะเทือนขวัญ คนร้ายเคยก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดอื่นมาก่อน โดยตำรวจส่วนกลางจะลงพื้นที่ช่วยติดตามตัวคนร้ายด้วย โดยเฉพาะคนร้ายที่ก่อเหตุในจังหวัดระนองพบเคยก่อเหตุในพื้นที่อื่นมาก่อน เกรงว่าในพื้นที่จะเอาไม่อยู่ ย้ำคนร้ายกล้าทำต้องกล้ารับ พร้อมฝากไปถึงครอบครัวและญาติของคนร้ายให้พาผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวภายใน 7 วัน ส่วนคดียิง 2 ศพ ในจังหวัดชลบุรี ได้สั่งการตำรวจสอบสวนกลางติดตามตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน มาดำเนินคดีซึ่งได้ประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามตัวแล้ว หลังมีภาพวงจรปิดปรากฎตัวที่ประเทศเพื่อนบ้าน
และเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบจับกุมนายเจษฎา วงศ์เมฆ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านเจ้าของร้านขายเครื่องอิเล็คโทรนิค ใน จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดฐาน สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดโดยเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยเจตนาทุจริต หรือโดยทุจริตให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นจากการสอบปากคำนายเจษฎาให้การปฏิเสธไม่รับสารภาพ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัตินายเจษฎาพบว่า เป็นผู้กว้างขวางและเป็นเซียนพระในจ.นครศรีธรรมราช เคยเปิดแผงพระในย่าน ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช และยังเคยเป็นนักจัดรายการวิทยุท้องถิ่น เป็นที่รู้จักในชื่อ “ลุงทองส่องพระ” มักไปวัดต่างๆ และตีสนิทกับพระผู้ใหญ่ เพื่อใช้อ้างตัวในการดำเนินการทุจริต นอกจากนี้ ยังมีพฤติการณ์รับเหมาก่อสร้างศาสนสถานในวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ซึ่งมีงบหลายล้านบาท โดยนายเจษฎาจะอ้างตนเองว่าเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใหญ่ในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และวัดต่างๆ คอยเสนอโครงการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในวัด เมื่อได้เงินมาก็จะทุจริตเงินไว้ส่วนหนึ่ง ทำให้ไม่ตรงกับที่ตัวเองเสนอไว้ ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นายเจษฎา รู้จักกับผู้ใหญ่ใน พศ.จริง และอาจมีการนำเงินส่วนแบ่งไปให้กับทางผู้ที่ติดต่อด้วยใน พศ. จึงเข้าข่ายการฟอกเงิน แต่ในเบื้องต้นทาง ปปป. ได้แจ้งข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดฯ ซึ่งหากมีการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินต่อไป .-สำนักข่าวไทย