นนทบุรี 30 ก.ค.-ฝนตกหนักเหนือเขื่อนวชิราลงกรณน้ำไหลเข้าปริมาณสูงจำเป็นต้องระบายน้ำ ยืนยัน เขื่อนมั่นคงปลอดภัย
นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ณ วันที่ 30 กค 61 เวลา 11.00 น. มีปริมาณน้ำกักเก็บ 7,098 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 80 สูงกว่าเกณฑ์ควบคุม (URC:Upper Rule Curve) 2.67 เมตร แต่ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 1,762 ล้าน ลบ.ม. โดยเมื่อวานนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้า 143.88 ล้าน ลบ.ม มีการระบายน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 27.85 ล้าน ลบ.ม ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนวชิราลงกรณมีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 ที่มีฝนตกหนักในพื้นที่เหนือเขื่อน ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมมากที่สุดในรอบ 34 ปี ซึ่ง จากการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงพบว่า ยังคงมีแนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ก.ค. คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำมีมติให้เขื่อนวชิราลงกรณปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมวันละ 23 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. โดยทยอยพร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากเขื่อนจะต้องรองรับปริมาณน้ำไหลเข้าในช่วงฤดูฝนนี้รวมระยะเวลาอีกกว่า 2 เดือน ซึ่งการระบายน้ำในแต่ละครั้งจะส่งหนังสือแจ้งให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น และประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้าทุกครั้งนายณัฐวุฒิ กล่าวย้ำว่า เขื่อนของ กฟผ. ทุกแห่งยังคงมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย มีการออกแบบก่อสร้างเขื่อนที่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม โดยตลอดอายุการใช้งานกำหนดให้มีการตรวจสอบเป็นประจำ โดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งการตรวจวัดด้วยสายตาและการตรวจวัดด้วยเครื่องมือเป็นประจำทุกวันและทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีระบบสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมของเขื่อนตลอดเวลา เช่น การตรวจวัดการรั่วซึมของน้ำ แรงดันน้ำภายในตัวเขื่อนและฐานราก การทรุดตัวและการเคลื่อนตัว อีกทั้งยังมีการตรวจสอบเขื่อนอย่างเป็นทางการทุก ๆ 2 ปี จากผู้เชี่ยวชาญพิเศษทุกสาขาอย่างละเอียด เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมเขื่อนในเชิงลึก ทั้งนี้หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว หรือน้ำท่วม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ จากคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าเขื่อนของ กฟผ. จะทำหน้าที่เก็บกักน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนการระบายน้ำของกรมชลประทานและคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ รวมทั้งของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละจังหวัด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดได้ทางเว็บไซต์ WATER.EGAT.CO.TH หรือ www.vrk.egat.com และแอพพลิเคชั่น EGAT Water ซึ่งสามารถดาวน์โหลดค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำได้อย่าง Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีการถ่ายทอดสดจากกล้อง CCTV ของแต่ละเขื่อนอีกด้วย-สำนักข่าวไทย