34 องค์กรใหญ่ประกาศเดินหน้า “OUR Khung Bang Kachao“

กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – 34 องค์กรใหญ่ประกาศความพร้อมเดินหน้าโครงการ OUR Khung Bang Kachao  วางเป้า 5 ปี พัฒนาคุ้งบางกะเจ้า 6 ด้าน ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมสนองแนวพระราชดำริ


นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าสู่ความยั่งยืน กล่าวในงานเปิดตัวโครงการ OUR Khung Bang Kachao  ว่า คุ้งบางกะเจ้าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 12,000 ไร่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ  ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมสำคัญของประเทศ ทั้งยังมีคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้สงวนพื้นที่แห่งนี้ไว้เป็นพื้นที่สีเขียว สร้างอากาศบริสุทธิ์และประโยชน์แก่ผู้คนมากมาย  โครงการ OUR Khung Bang Kachao จึงเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือจาก 34 องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนชุมชน 6 ตำบลในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า ภายใต้การกำกับของมูลนิธิชัยพัฒนาที่พร้อมจับมือเดินหน้าพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าในทุกด้านร่วมกัน โดยน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาสืบสานขยายผลตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นหลักทำงานสำคัญ


สำหรับโครงการ OUR Khung Bang Kachao เป็นความร่วมมือในรูปแบบการสานพลังร่วมเพื่อพัฒนาสังคม กำหนดเป้าหมายร่วมกันว่าจะขับเคลื่อนการพัฒนา “เศรษฐกิจสีเขียว” หรือ พื้นที่สีเขียวที่ก่อให้เกิดรายได้และยกระดับวิถีชุมชนให้ดีขึ้นให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 5 ปี นอกจากจะหวังผลพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรมแล้ว ยังกำหนดเป้าหมายว่าผลของการดำเนินงาน จะต้องทำให้ชุมชนในพื้นที่เติบโต แข็งแรงอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้นร้อยละ  20 โดยขับเคลื่อนผ่านกระบวนการทำงานทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ 1. พัฒนาพื้นที่สีเขียว 2. จัดการน้ำและการกัดเซาะริมตลิ่ง 3. จัดการขยะ 4. ส่งเสริมอาชีพ 5. ท่องเที่ยว 6. พัฒนาเยาวชนและการศึกษา

“34 องค์กรและชุมชน 6 ตำบล เชื่อมโยงกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ด้วยวิธีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อหาความต้องการที่แท้จริง มาวางกรอบการทำงานและสร้างเป้าหมายร่วมกันของคณะทำงาน ซึ่งถือเป็นโมเดลการพัฒนาชุมชนรูปแบบใหม่ของประเทศไทย ที่สอดคล้องตามแนวพระราชดำริในการอนุรักษ์พื้นที่บางกะเจ้าให้เป็นพื้นที่สีเขียว รวมทั้งพัฒนาและใช้ประโยชน์พื้นที่ในลักษณะเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีการอนุรักษ์วิถีชีวิต และความเป็นอยู่เรียบง่ายอย่างในอดีต” นายสุเมธ กล่าว

สำหรับการพัฒนาทั้ง 6 ด้าน มีการกำหนดกรอบดำเนินงานและวางเป้าหมายการพัฒนาเพื่อให้ตรงตามความต้องการชุมชน ประกอบด้วย 1. ด้านการพัฒนาพื้นที่สีเขียว  นำโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วางเป้าภายใน 5 ปี จะมุ่งฟื้นฟูและรักษาพื้นที่สีเขียวให้ได้ 6,000 ไร่  โดยในปี 2561 กำหนดเป้าหมายระยะเริ่มต้นไว้ที่ 400 ไร่ ซึ่งทำร่วมกับเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวทั้ง 6 ตำบลของคุ้งบางกะเจ้า ในพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมป่าไม้  ซึ่งนอกจากช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีแล้ว ยังเป็นการต่อยอดการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า  2.ด้านการจัดการน้ำและการกัดเซาะริมตลิ่ง นำโดย มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์  มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และพัฒนา เกิดความมั่นคงและยั่งยืนด้านทรัพยากรน้ำนำไปสู่ความมั่นคงของพื้นที่สีเขียวในคุ้งบางกะเจ้า ผ่านการสร้างแบบอย่างความสำเร็จ ที่พร้อมขยายผลให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่ จากการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาเป็นระบบฐานข้อมูลอย่างละเอียด  ใช้บริหารงานพัฒนาพื้นที่และบริหารสถานการณ์วิกฤต รวมทั้งกำหนดเส้นทางน้ำ ฟื้นฟูคลองและแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน 


ขณะที่ 3. ด้านการจัดการขยะ นำโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) จะมุ่งลดปัญหาขยะตามแนวทาง Circular Economy หรือ เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน โดยการนำขยะรีไซเคิลมาแปรรูปเพิ่มที่มูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ โดยเริ่มพัฒนา วัดจากแดง พื้นที่นำร่องของโครงการให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะของชุมชน 4. ด้านการส่งเสริมอาชีพ นำโดยบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้าพื้นถิ่นให้มีเอกลักษณ์ หรือ สร้างแบรนด์ของตนเองให้เป็นที่รู้จัก ผ่านการพัฒนาส่งเสริมผลผลิตทางการเกษตรสู่มาตรฐาน GDP  สนับสนุนจัดตั้งตลาดกลางส่งเสริมอัตลักษณ์ภายในชุมชน เพิ่มช่องทางการตลาดออนไลน์  รวมถึงผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยววิถีเกษตรสวนผสมผสานเชิงออร์แกนิค

ส่วน 5. ด้านการท่องเที่ยว นำโดย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน  มุ่งเน้นการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างมีส่วนร่วมและมีระบบ สู่เป้าหมายการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน  ผ่านกระบวนการทำงานร่วมกันในรูปแบบประชารัฐ เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความอยู่ดีมีสุข และสร้างความสุขให้แก่คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน และ 6. ด้านการพัฒนาเยาวชนและการศึกษา นำโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มุ่งเน้นการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมแก่คนรุ่นใหม่อย่างเป็นระบบ ผ่านการสร้างแหล่งเรียนรู้ชุมชน ที่รวบรวมหลักฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ชุมชน ปลูกฝังแนวทางการพัฒนาโครงการ OUR Khung Bang Kachao ในทุกๆ ด้าน เพื่อสืบสาน และรักษาเอกลักษณ์วิถีชุมชนชาวคุ้งบางกระเจ้าให้ดำรงสืบต่อไปยังเยาวชนรุ่นใหม่ รวมไปถึงปลูกจิตสำนึกให้เกิดความรัก ภาคภูมิใจ และมีการสืบสาน ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมให้คงอยู่และสืบต่อไป  ทั้งนี้ กรอบดำเนินงาน 6 ด้านข้างต้น คณะทำงานจะต้องนำไปบูรณาการเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างเป็นระบบ

ทั้งหมดนี้ ทำให้คณะทำงานทั้ง 6 ด้าน เชื่อมั่นว่า กระบวนการขับเคลื่อนพัฒนาที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการ OUR Khung Bang Kachao จะสามารถมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนองแนวพระราชดำริ อันจะส่งผลให้ชุมชนในพื้นที่เติบโตแข็งแรงอย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย และสามารถเป็นต้นแบบการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกับพื้นที่สีเขียวได้อย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย