กทม. 11 ต.ค. – บมจ.อสมท น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จัดสัมภาษณ์พิเศษ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บอกเล่าเรื่องราวที่คนไทยไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่ 9 ภายใต้หัวข้อ “ใต้แสงแห่งพระบารมี…สร้างสุขเพื่อปวงประชา” โดยมีพิธีกรชื่อดัง จากรายการ Perspective “เปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์” เป็นผู้ดำเนินรายการ
ดร.สุเมธ เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าฯ เมื่อปี 2524 พระองค์ท่านทรงจ้องอยู่นานจนรู้สึกอึดอัด ก่อนมีพระราชกระแสรับสั่งถามว่า “ดีใจไหมมาช่วยฉันทำงาน” กราบบังคมทูลตอบไปตามตรงว่ากลุ้มใจ เพราะคิดว่าตัวเองมีความชำนาญไม่พอ พระองค์รับสั่งต่อว่า “แค่นั้นเหรอ ไม่เป็นไร ฉันสอนเอง” ดังนั้น เวลาใครพูดว่าตนเป็นผู้ถวายงาน จะตอบว่าไม่ใช่ แต่เป็นคนตามเสด็จฯ เพื่อเรียนรู้งานจากพระองค์ท่าน
ตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ได้ตามเสด็จฯ ได้เรียนรู้หลักการทรงงานของพระองค์ท่าน ทรงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ทรงมองไปข้างหน้า และหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทรงให้ความสำคัญกับการเคารพคน ครั้งหนึ่งในการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ ทรงให้ทำประชาพิจารณ์ เพราะมีทั้งชาวบ้านที่เสียประโยชน์และได้ประโยชน์ โดยให้ชาวบ้านหาทางออกร่วมกัน เพื่อประสานใจคนในชุมชนและได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า ทรงแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ว่าเป็นโครงการพระราชดำริแล้วจะทำได้ทันที ต้องได้รับการยอมรับก่อน
เมื่อถามต่อว่าพระองค์ท่านทรงดุบ้างหรือไม่ ดร.สุเมธ ตอบว่า “ดุสิ เคยโดนดุบ่อย แต่ดุอย่างมีพระเมตตานะ อย่างเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งหนึ่งในภาคเหนือ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ไปตรวจดู ท่านรับสั่งเย็นวันศุกร์ ทีมงานทูลตอบว่าวันจันทร์จะรีบเข้าไปดู พระองค์ท่านตรัสถามว่า น้ำท่วมมีวันหยุดพักด้วยหรือ ทรงมีวิธีพูดที่ทำให้เราคิดตามได้ อีกเหตุการณ์คือเข้าไปถวายงานจนดึก แล้วกลับมานอนบ้านที่ชะอำ ปรากฏว่าพระองค์ท่านทรงวิทยุมาตามตัวตอนตีสองให้เข้าเฝ้าฯ ไปซักถามข้อมูลเพิ่มเติม กว่าจะถวายงานเสร็จก็เช้ามืด แต่นั่นทำให้เห็นว่าในขณะที่เรากลับบ้านมานอน พระองค์ท่านยังทรงงานต่อไม่ได้หยุด”
ดร.สุเมธ ยังบอกอีกว่า ตนมักจะเข้าไปขอพระราชทานพรในวันเกิดเป็นประจำทุกปี ทุกครั้งจะพระราชทานพรว่า “ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อทำประโยชน์ให้ผู้อื่น” แต่ที่จำได้เป็นพิเศษมี 2 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนอายุ 60 ปี ขณะนั้นพระองค์ท่านมีพระชนมายุ 72 พรรษา ทรงถามว่าอายุเท่าไร ทูลตอบว่า 60 แล้ว และเผลอหลุดปากต่อว่า เกษียณแล้ว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งปนกริ้วว่า “เกษียณเหรอ แล้วฉันล่ะ” ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยพูดคำว่าเกษียณอีกเลย
“อีกครั้งหนึ่งตอนผมอายุ 72 ปี ไปเข้าเฝ้าฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช พอเข้าไปหมอบกราบ ทรงนิ่งนานจนเงยหน้าขึ้นมอง พระองค์ท่านทรงยกพระหัตต์ขึ้นมาเขย่าไหล่ผม มีพระราชกระแสรับสั่งว่า “สุเมธ งานยังไม่เสร็จ งานยังไม่เสร็จ งานยังไม่เสร็จ” ผมไม่รู้เลยว่านั่นคือคำสั่งเสียสุดท้าย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าเฝ้าอีกเลยจนพระองค์ท่านสวรรคต ผมได้คิดว่าขนาดพระองค์ท่านประชวร ยังทรงคิดถึงงานตลอดเวลา แล้วตัวเราจะหยุดงานได้ยังไง จะลาออกได้ยังไง ถ้ามีโอกาสได้กราบบังคมทูลตอบอีกครั้ง ก็จะทูลว่า จะทำต่อไปไม่รู้จบ”
ในวันนี้ที่พระองค์ท่านไม่อยู่แล้ว ดร.สุเมธ บอกว่าไม่อยากให้คนไทยพูดเพียงว่าพระองค์ท่านจะสถิตอยู่ในใจเท่านั้น แต่อยากให้แสดงออกมาเป็นรูปธรรม เริ่มจากถามตัวเองทุกวันว่าเมื่อวานทำความดีอะไรแล้วบ้าง และรีบลงมือทำความดีในวันนี้ เพื่อจะได้ตอบตัวเองในวันพรุ่งนี้ได้ ถ้าคนไทย 60 กว่าล้านคนทำได้แบบนี้ ก็ถือเป็นพระราชกุศลถวายแด่พระองค์ท่าน
ติดตามชมการสัมภาษณ์พิเศษ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อย่างเต็มอิ่มได้ในรายการพิเศษ “ใต้แสงแห่งพระบารมี” ออกอากาศวันที่ 13 ต.ค.60 เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 และ MCOT Family ช่อง 14 . – สำนักข่าวไทย