กรุงเทพฯ24 ก.ค.- BBGI ทุ่มลงทุนกว่า 1.55 พันล้านบาท ขยายกำลังผลิตเอทานอล-ไบโอดีเซล
และต่อยอดผลิตสินค้าชีวภาพ รู้ผลปลายปีนี้จะลงทุนผลิตภัณฑ์ตัวใดบ้าง ไม่ต่ำกว่า
3,000 ล้านบาท/โครงการ ด้าน เคเอสแอลชี้ราคาอ้อยขั้นปลายอาจได้ราว750-800 บาท/ตัน
นายชลัช
ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL)
เปิดเผยว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีนี้ของบริษัทในปีนี้เพิ่มขึ้น
60% มาที่ระดับ 11 ล้านตันอ้อย จากระดับ 6.8 ล้านตันอ้อยในปีที่แล้ว สอดคล้องกับปริมาณอ้อยทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้นระดับสูงสุดประวัติการณ์ที่
135 ล้านตันอ้อย จาก 94-96 ล้านตันอ้อยในปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้บริษัทจะน้ำตาลทรายได้เพิ่มขึ้นเป็น
1.1 ล้านตัน ส่วนใหญ่ราว 80% เป็นการส่งออก โดยแนวโน้มรายได้รวมงวดปี 60/61
(พ.ย.60-ต.ค.61)จะใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าปริมาณผลผลิตจะเพิ่มขึ้น และราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกปรับลดลงจากปีก่อน
“ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกขณะนี้อยู่ราว
11-12 เซนต์/ปอนด์ แต่คาดว่าทั้งปี ราคาจะเฉลี่ย ราว 40% มาอยู่ที่เฉลี่ย 14-15
เซนต์/ปอนด์ ซึ่งราคาขายน้ำตาลของบริษัทก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เนื่องจากตลาดที่โอเวอร์ซัพพลายตามปริมาณอ้อยที่มากจากภาวะฝนที่ดี
ส่วนรายได้เกษตรกรจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แม้ราคาอ้อยอาจตกต่กที่ขั้นปลายอาจได้
750-800 บาท/ตัน ก็จะทำให้รายได้โดยรวมไม่ลดลง” นายชลัช กล่าว
สำหรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากธุรกิจน้ำตาลราว 85%
และธุรกิจไฟฟ้าราว10%ส่วนที่เหลือเป็นอื่น ๆ ขณะที่เอทานอล
ได้เปลี่ยนการรับรู้จากเดิมจะบันทึกอยู่ในงบการเงินรวม ก็จะมาเป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร
หลังจากที่นำธุรกิจเอทานอล ไปควบรวมกับธุรกิจชีวภาพของ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ภายใต้ชื่อ บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) โดย KSL ถือหุ้น 40% และ BCP ถือหุ้น 60% ส่วนธุรกิจไฟฟ้าปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ระดับ
250-270 เมกะวัตต์ โดยเป็นการขายไฟฟ้าเข้าระบบราว 50 เมกะวัตต์ ขณะที่อีกประมาณ
200 เมกะวัตต์จะใช้ในโรงงานน้ำตาลกลุ่มบริษัท
“ BBGI เตรียมแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนกำหนดเวลาจะเป็นเมื่อใดจะเป็นไตรมาส4/61
หรือ ปี 2652 ก็ต้องรอขั้นตอนอนุมัติ รวมถึงต้องดู ภาวะตลาดฯหากเป็นในภาวะตกต่ำ
ก็คงจะเหงาหงอย” นายชลัช กล่าว
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBGI เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุน 1.55
พันล้านบาท รองรับแผนการขยายธุรกิจเอทานอลเป็น 8 แสนลิตร/วัน จาก 5
แสนลิตร/วันในปัจจุบัน และขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซล (B100) เป็นระดับ 1 ล้านลิตร/วัน จาก 9.3
แสนลิตร/วันในปัจจุบัน โดยการขยายกำลังผลิตดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 62
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง
(High Value Products) ในอนาคต ทางด้านธุรกิจเอทานอล, ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio
Based) ศึกษาร่วมกับสถาบันวิจัยทั่วโลกทั้งสหรัฐ
ญี่ปุ่น สหาภาพยุโรป เกาหลีใต้ เพื่อตอบโจทย์เรื่องการช่วยเหลือด้านสิ่งแวดล้อม
รวมถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอาง รวมถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอาง
เพื่อต่อยอดงานวิจัยในด้านเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อผลิตสารสกัดมูลค่าสูง (Astraxantin)
เป็นอาหารเสริมและเครื่องสำอาง บริษัทคาดว่าจะนำเสนอแผนดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
และจะมีความชัดเจนต่อแผนลงทุนของผลิตภัณฑ์ได้ในสิ้นปี
เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐต่อผลิตภัณฑ์
และใช้เวลาลงทุนสร้างโรงงานจนมีผลผลิตออกมาน่าจะใช้ระยะเวลาราว 3 ปี –สำนักข่าวไทย