บอร์ด กฟผ. โยกย้ายผู้บริหารจัดทัพรับเทคโนโลยีใหม่


กรุงเทพฯ 24 ก.ค.-บอร์ด กฟผ.โยกย้ายผู้บริหาร
จัดทัพปรับโครงสร้างองค์กรใหม่รับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสร้างคนรับไม้
หลังผู้ว่าฯการคนปัจจุบันครบวาระ ธ.ค.63


               นายวิฑูรย์
กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ในฐานะประธาน คณะกรรมการ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ วานนี้(23
ก.ค.) เห็นชอบการโยกย้ายระดับผู้บริหาร กฟผ.
ซึ่งเป็นไปตามแผนงานการปรับโครงการสร้างองค์กรที่ คณะกรรมการเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ที่ปรับระดับรองตามสายงาน
12 สายงานเหลือ 8 สายงาน ซึ่งจะทำให้การทำงานลดความซ้ำซ้อน
เพิ่มความสามารถทางการแข่งขันรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่
Disruptive Technology อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เห็นชอบ
วานนี้ มีการปรับตำแหน่งหมุนเวียนและตั้งรองผู้ว่าการจำนวน
13 คนใหม่ ก็เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมองค์กร ที่
จะรองรับการสรรหาผู้ว่าคนใหม่ แทนคนปัจจุบันก่อนที่จะครบวาระ เดือน. ธันวาคม2563 ประมาณ
6 เดือน จึงเตรียมพร้อมนำระดับผู้ช่วยขึ้นมาเป็นระดับรองเพื่อสร้างทีมงานใหม่เพราะมีอายุงาน
3-4 ปี ขณะที่รองอาวุโสสังกัดผู้ว่าการเป็นการตั้งขึ้นมาเพราะเหลืออายุงานเพียง
1 ปีเท่านั้นคือจะเกษียณปี 2562ประมาณ 3 คนและเมื่อถึงเวลารองตำแหน่งนี้ก็คงจะหมดไป  

             “การปรับโครงสร้างและการแต่งตั้งผู้บริหารก็เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันของ
กฟผ. ซึ่ง ในอนาคต พนักงาน กฟผ.จะเหลือประมาณ 15,000 คน จากที่ปัจจุบันมีกว่า 22,000
คน โดยจำนวนพนักงานจะลดลงตามธรรมชาติจากการเกษียณอายุตามวาระ ซึ่งในช่วงปี
2561 – 2566 มีผู้เกษียณประมาณ 6,900 คน ดังนั้น
จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องปลดพนักงาน และ กฟผ. จะยังคงเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ในสาขาวิชาชีพที่มีความจำเป็นเหมาะสม
 และในแต่ละปีก็จะเปิดให้พนักงานสมัครโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
 (Early Retirement)”นายวิฑูรย์ กล่าว  

             
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ.  กล่าวว่า 
การที่แต่งตั้งผู้บริหาร กฟผ.ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 นี้ จะเห็นได้ว่า
มี
รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ 4 คน โดย 3
คน
 อยู่ ที่ กฟผ. และอีก 1 เป็นกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นเนล
จำกัด
 ( EGATi )โดยรองผู้ว่าการฯทั้ง 3 คน
ทางผู้ว่าการ กฟผ.

จะมอบหมายงานให้ เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์มากในแต่ละด้าน มาช่วยงาน กฟผ.ที่ต้องเผชิญความท้าทาย(
challenge) มากมาย เช่น การพัฒนาโรงไฟฟ้าเสร็จทันกำหนด งบไม่บานปลาย,
งานนวัตกรรม การแปลงสิ่งประดิษฐ์ งานวัจัย หรือผลงาน โครงการ
Move World Together ไปเป็นสินค้าทำมาหากินได้


             โดย กฟผ. หรือ
สนับสนุนชุมชนให้ผลิตไปจำหน่ายมีรายได้เพิ่มในชุมชน หรือจะไปตั้งเป็น
บริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม
Social Enterprise  พร้อมทั้งสนับสนุน งานชุมชนที่ควรจะเติบโตทางเศรษฐกิจ อาชีพ
ไปพร้อมกับการเติบโตของโรงไฟฟ้า กฟผ.
Growing Together  ตามแนวคิด CSV-Creating
Share Value (
สร้างคุณค่าร่วมกัน)
ตามแนวคิด
SDG-Sustainable
Development Goals
ของ
สหประชาชาติ (
UN)  ภายในปี ค.ศ.2030 ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ กฟผ.  “Innovate Power Solutions for a Better Life” ชีวิตที่ดีขึ้นของชุมชน/สังคม ชาวบ้านอยู่ได้มีสุข กฟผ.
ก็ได้อยู่รับใช้ประชาชนต่อไป

              “การจัดทัพ กฟผ.ให้มีประสิทธิภาพ
ดีขึ้น ในขณะที่ ระดับรองฯที่ดูแล สำนักผู้ว่าการก็สามารถต่อยอดงาน
CSV ที่ กฟผ.สนับสนุน และมีไอเดียที่ต่อยอดได้ เช่น   รถ EV ดัดแปลง ,หวดนึ่งข้าวเหนียวประหยุดพลังงาน ของน้องๆ
Move World Together และยังมีอีกหลายสิ่งประดิษฐ์จากน้องๆ เราติดเล่นๆ 20:1 คือ 20
สิ่งประดิษฐ์แปลงเป็น 1 สินค้า ก็น่าพอใจกว่าวันนี้ที่สิ่งประดิษฐ์เป็นประกาศในกระดาษ”
นายสหรัฐ กล่าว

 

       สำหรับการปรับตำแหน่งหมุนเวียนและตั้งรองผู้ว่าการจำนวน
13 คนใหม่โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ประกอบไปด้วย

           1.นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการกิจการสังคม เป็นรองผู้ว่าการอาวุโสสังกัดผู้ว่าการ 

          2.นายนิกูล ศิลาสุวรรณ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ

          3.
นายกฏชยุตม์ บริบูรณ์จตุพร รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ 

          4.
นางภาวนา อังคณานุวัฒน์ รองผู้ว่าการบริหาร เป็นรองผู้ว่าการบริหาร 

          5.
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการนโยบาย และแผน เป็นรองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ 

          6.
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการพัฒนาธุรกิจ เป็นรองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 

          7.
นายภัทรกฤช เตชะศิกานต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการเงิน เป็นรองผู้ว่าการเงินและบัญชี
(ซีพีเอฟ)


          8.
นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
ป็นรองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้


          9.
นายธวัชชัย จักรไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงาน เป็นรองผู้ว่าการเชื้อเพลิง 

          10.
นายเริงชัย คงทอง ผู้ช่วยผู้ว่าการบำรุงรักษาระบบส่ง เป็นรองผู้ว่าการระบบส่ง 

          11.
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ เป็นรองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า
และพลังงานหมุนเวียน
 

          12.
นายบุญทวี กังวานกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ 

          13.
นายสันติชัย โอสถภวภูษิต ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมระบบส่ง เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการปฎิบัติงานที่บริษัท
กฟผ.อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด
 

           
นอกจากนี้บอร์ดยังเห็นชอบแต่งตั้นายสมบูรณ์ ดำรงสุสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาเครื่องกล-วิชาการ
เป็นผู้อำนวยการฝ่ายประจำสายงานรองผู้ว่าการพัฒนาธุรกิจมีผลใช้บังคับตั้งแต่
1 ส.ค. 2561 และให้ไปปฏิบัติงานที่บริษัทอีแกท
ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
1 ต.ค. 2561
สำนักข่าวไทย
          



ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย