บอร์ด กฟผ. โยกย้ายผู้บริหารจัดทัพรับเทคโนโลยีใหม่


กรุงเทพฯ 24 ก.ค.-บอร์ด กฟผ.โยกย้ายผู้บริหาร
จัดทัพปรับโครงสร้างองค์กรใหม่รับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสร้างคนรับไม้
หลังผู้ว่าฯการคนปัจจุบันครบวาระ ธ.ค.63


               นายวิฑูรย์
กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ในฐานะประธาน คณะกรรมการ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ วานนี้(23
ก.ค.) เห็นชอบการโยกย้ายระดับผู้บริหาร กฟผ.
ซึ่งเป็นไปตามแผนงานการปรับโครงการสร้างองค์กรที่ คณะกรรมการเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ที่ปรับระดับรองตามสายงาน
12 สายงานเหลือ 8 สายงาน ซึ่งจะทำให้การทำงานลดความซ้ำซ้อน
เพิ่มความสามารถทางการแข่งขันรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่
Disruptive Technology อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เห็นชอบ
วานนี้ มีการปรับตำแหน่งหมุนเวียนและตั้งรองผู้ว่าการจำนวน
13 คนใหม่ ก็เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมองค์กร ที่
จะรองรับการสรรหาผู้ว่าคนใหม่ แทนคนปัจจุบันก่อนที่จะครบวาระ เดือน. ธันวาคม2563 ประมาณ
6 เดือน จึงเตรียมพร้อมนำระดับผู้ช่วยขึ้นมาเป็นระดับรองเพื่อสร้างทีมงานใหม่เพราะมีอายุงาน
3-4 ปี ขณะที่รองอาวุโสสังกัดผู้ว่าการเป็นการตั้งขึ้นมาเพราะเหลืออายุงานเพียง
1 ปีเท่านั้นคือจะเกษียณปี 2562ประมาณ 3 คนและเมื่อถึงเวลารองตำแหน่งนี้ก็คงจะหมดไป  

             “การปรับโครงสร้างและการแต่งตั้งผู้บริหารก็เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันของ
กฟผ. ซึ่ง ในอนาคต พนักงาน กฟผ.จะเหลือประมาณ 15,000 คน จากที่ปัจจุบันมีกว่า 22,000
คน โดยจำนวนพนักงานจะลดลงตามธรรมชาติจากการเกษียณอายุตามวาระ ซึ่งในช่วงปี
2561 – 2566 มีผู้เกษียณประมาณ 6,900 คน ดังนั้น
จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องปลดพนักงาน และ กฟผ. จะยังคงเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ในสาขาวิชาชีพที่มีความจำเป็นเหมาะสม
 และในแต่ละปีก็จะเปิดให้พนักงานสมัครโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
 (Early Retirement)”นายวิฑูรย์ กล่าว  

             
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ.  กล่าวว่า 
การที่แต่งตั้งผู้บริหาร กฟผ.ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 นี้ จะเห็นได้ว่า
มี
รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ 4 คน โดย 3
คน
 อยู่ ที่ กฟผ. และอีก 1 เป็นกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นเนล
จำกัด
 ( EGATi )โดยรองผู้ว่าการฯทั้ง 3 คน
ทางผู้ว่าการ กฟผ.

จะมอบหมายงานให้ เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์มากในแต่ละด้าน มาช่วยงาน กฟผ.ที่ต้องเผชิญความท้าทาย(
challenge) มากมาย เช่น การพัฒนาโรงไฟฟ้าเสร็จทันกำหนด งบไม่บานปลาย,
งานนวัตกรรม การแปลงสิ่งประดิษฐ์ งานวัจัย หรือผลงาน โครงการ
Move World Together ไปเป็นสินค้าทำมาหากินได้


             โดย กฟผ. หรือ
สนับสนุนชุมชนให้ผลิตไปจำหน่ายมีรายได้เพิ่มในชุมชน หรือจะไปตั้งเป็น
บริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม
Social Enterprise  พร้อมทั้งสนับสนุน งานชุมชนที่ควรจะเติบโตทางเศรษฐกิจ อาชีพ
ไปพร้อมกับการเติบโตของโรงไฟฟ้า กฟผ.
Growing Together  ตามแนวคิด CSV-Creating
Share Value (
สร้างคุณค่าร่วมกัน)
ตามแนวคิด
SDG-Sustainable
Development Goals
ของ
สหประชาชาติ (
UN)  ภายในปี ค.ศ.2030 ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ กฟผ.  “Innovate Power Solutions for a Better Life” ชีวิตที่ดีขึ้นของชุมชน/สังคม ชาวบ้านอยู่ได้มีสุข กฟผ.
ก็ได้อยู่รับใช้ประชาชนต่อไป

              “การจัดทัพ กฟผ.ให้มีประสิทธิภาพ
ดีขึ้น ในขณะที่ ระดับรองฯที่ดูแล สำนักผู้ว่าการก็สามารถต่อยอดงาน
CSV ที่ กฟผ.สนับสนุน และมีไอเดียที่ต่อยอดได้ เช่น   รถ EV ดัดแปลง ,หวดนึ่งข้าวเหนียวประหยุดพลังงาน ของน้องๆ
Move World Together และยังมีอีกหลายสิ่งประดิษฐ์จากน้องๆ เราติดเล่นๆ 20:1 คือ 20
สิ่งประดิษฐ์แปลงเป็น 1 สินค้า ก็น่าพอใจกว่าวันนี้ที่สิ่งประดิษฐ์เป็นประกาศในกระดาษ”
นายสหรัฐ กล่าว

 

       สำหรับการปรับตำแหน่งหมุนเวียนและตั้งรองผู้ว่าการจำนวน
13 คนใหม่โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ประกอบไปด้วย

           1.นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการกิจการสังคม เป็นรองผู้ว่าการอาวุโสสังกัดผู้ว่าการ 

          2.นายนิกูล ศิลาสุวรรณ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ

          3.
นายกฏชยุตม์ บริบูรณ์จตุพร รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ 

          4.
นางภาวนา อังคณานุวัฒน์ รองผู้ว่าการบริหาร เป็นรองผู้ว่าการบริหาร 

          5.
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการนโยบาย และแผน เป็นรองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ 

          6.
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการพัฒนาธุรกิจ เป็นรองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 

          7.
นายภัทรกฤช เตชะศิกานต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการเงิน เป็นรองผู้ว่าการเงินและบัญชี
(ซีพีเอฟ)


          8.
นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
ป็นรองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้


          9.
นายธวัชชัย จักรไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงาน เป็นรองผู้ว่าการเชื้อเพลิง 

          10.
นายเริงชัย คงทอง ผู้ช่วยผู้ว่าการบำรุงรักษาระบบส่ง เป็นรองผู้ว่าการระบบส่ง 

          11.
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ เป็นรองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า
และพลังงานหมุนเวียน
 

          12.
นายบุญทวี กังวานกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ 

          13.
นายสันติชัย โอสถภวภูษิต ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมระบบส่ง เป็นรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการปฎิบัติงานที่บริษัท
กฟผ.อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด
 

           
นอกจากนี้บอร์ดยังเห็นชอบแต่งตั้นายสมบูรณ์ ดำรงสุสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาเครื่องกล-วิชาการ
เป็นผู้อำนวยการฝ่ายประจำสายงานรองผู้ว่าการพัฒนาธุรกิจมีผลใช้บังคับตั้งแต่
1 ส.ค. 2561 และให้ไปปฏิบัติงานที่บริษัทอีแกท
ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
1 ต.ค. 2561
สำนักข่าวไทย
          



ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]