AMER 7 ประโยชน์ไทย “สร้างชื่อ-แชร์ข้อมูลพลังงานเพื่ออนาคต”

 


 


กรุงเทพฯ 29  ต.ค.-  วันที่ 1 -3 พ.ย. 2560 ประเทศไทยโดยกระทรวงพลังงาน
เป็นเจ้าภาพในการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชีย
 
(ASIAN Ministerial Energy Roundtable : AMER)
ครั้งที่ 7
โรงแรมแชงกรีล่า กรุงเทพฯ ไทยได้ประโยชน์ทั้งสร้างชื่อเสียงและได้ข้อมูลพลังงานทั้งจากประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคพลังงานในเอเชีน

 

       การประชุม AMER 7
เป็นหารือระดับรัฐมนตรีพลังงานของชาติสมาชิกในเอเชียร่วมกับผู้นำองค์กรระหว่างประเทศ
ภายใต้แนวคิด
Global Energy Markets in Transition : From Vision to Action หรือการเปลี่ยนผ่านตลาดพลังงานโลก
จากวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ โดยชาติในเอเชีย ประกอบด้วย
ประเทศผู้ขายน้ำมันในกลุ่มตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่
 
รวมทั้งชาติในอาเซียนจะร่วมกันแสดงทัศนะต่อสถานการณ์พลังงาน
ประเด็นสำคัญ
3 ด้าน คือ ตลาดน้ำมัน (Oil
Market)
ตลาดก๊าซธรรมชาติ (Gas Market) และการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ทางเลือกการใช้พลังงานทดแทน
โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่าน (
Disruptive Technology)




       สำนักข่าวไทย ได้สัมภาษณ์ คุณทวารัฐ  สูตะบุตร
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
       ถึงการจัดงานในครั้งนี้

 

โลกเห็นความสำคัญชาติเอเชีย จึงเป็นที่มาของ AMER

               การประชุม AMER หรือ  ASIAN Ministerial Energy Roundtable เป็นกรอบการประชุมแบบหลวมๆ
ที่จะเชิญ รัฐมนตรีพลังงาน ในทุกประเทศของทวีปเอเชียมาพบกัน ผู้จัดหลักคือองค์กรระหว่างประเทศ
 International Energy Forum หรือ IEF
ซึ่งเป็นองค์กรพี่องค์กรน้องกับ OPEC

    วัตถุประสงค์หลักขององค์กรนี้
คือ ต้องการสร้างเวทีในการพูดคุยระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายพลังงาน
โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพราะฉะนั้น
IEF เปรียบเหมือนแกนกลางในการที่จะจัดเวทีประชุมลักษณะนี้
ซึ่งจัด
2 ระดับ คือ  ระดับโลก คือเชิญทุกประเทศ ปีละครั้ง โดย IEF
ก็จะเชิญประเทศยักษ์ใหญ่ต่างๆ แต่ IEF มีความสนใจพิเศษในทวีปเอเชีย
เพราะทวีปเอเชียมีลักษณะพิเศษ คือ มีทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ คือ กลุ่มตะวันออกกลาง
และผู้ใช้รายใหญ่ คือ กลุ่ม จีน ยุโรป อาเซียน เพราะฉะนั้น
IEF ถึงริเริ่มกรอบพูดคุยพิเศษขึ้นมาประมาณ 10 ปีที่แล้ว
เป็นกรอบเฉพาะทวีปเอเชีย

        โดยการเชิญ
รมว.พลังงานของทุกประเทศในเอเชีย ประมาณ
31 – 32 ประเทศ
มาพบกันหรือพูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แบบเป็นกันเอง ไม่เป็นทางการนัก ไม่มีสนธิสัญญาใดๆที่ต้องลงนาม
แต่เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แล้วก็เป็นการมองภาพอนาคต
ทั้งระยะใกล้และระยะไกลว่า ทิศทางพลังงานในมุมมองของแต่ละคนเห็นเป็นอย่างไร
เพราะมุมมองผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่อาจจะมีอีกมุมมองนึง
ในขณะที่ผู้ใช้รายใหญ่อาจจะมีอีกมุมมองนึง ถ้ามุมมองต่างกัน
ปฏิบัติต่างกันในบางกรณี อาจจะทำให้ตลาดปั่นป่วนได้
เพราะฉะนั้นการมีโอกาสได้พูดคุยกันก็จะเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
และทำให้ตลาดพลังงานในทวีปเอเชียไม่มีความผันผวนมากนัก

 

ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม AMER เป็นครั้งแรก ในการประชุม
ครั้งที่ 7

 

        ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จัดประชุม
AMER  โดย ธรรมเนียมปฏิบัติก็จะจัดทุก 2 ปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพระหว่างของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่
เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แล้วกลุ่มผู้ใช้รายใหญ่ก็คือ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย
อาเซียน สลับกันไปมา เมื่อครั้งที่แล้ว ครั้งที่ 6 จัดที่กรุงโดฮา นครรัฐกาตาร์ แล้วก็ประเทศไทย รับเป็นเจ้าภาพจัดครั้งนี้ จึงขอเชิญชวนให้คนไทยมีส่วน่รวมในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย
อีกมุมหนึ่งก็จะทำให้ประเทศเหล่านี้เห็นศักยภาพของประเทศไทยด้วย ส่วนที่ว่าประเทศไทยจะได้อะไร
ก็ชัดเจนครับ ได้ข้อมูลข่าวสาร
แล้วเราก็จะเอาข้อมูลข่าวสารนี้มาแปลงเป็นนโยบายรองรับอนาคตได้

“ภาพอนาคตพลังงานของโลก
ผมเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกับทวีปเอเชียค่อนข้างมาก
เพราะประเทศเอเชียค่อนข้างใช้พลังงานเยอะ เราก็จะมีนวัตกรรมใหม่ๆในการที่จะคิดค้นพลังงานใหม่ๆในอนาคตเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นอนาคตจะอยู่ที่ทวีปนี้ครับ”

 

ศตวรรษนี้ เป็นยุคทองของทวีปเอเชีย

            ศตวรรษนี้
เป็นยุคทองของทวีปเอเชีย ส่วนหนึ่งเพราะว่า ทวีปเอเชียตลอดหลาย
10 ปีที่ผ่านมา
มีหลายๆประเทศที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่นับ ญี่ปุ่น เมื่อ
30 ปีที่แล้ว ประเทศที่ตามมา เช่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึง 5 เสือ ในอาเซียนก็พัฒนามาตลอด 20 ปี จน 10 ปีให้หลังนี้เห็นความเปลี่ยนแปลงอันโดดเด่นของประเทศจีน และอินเดีย
ทำให้ภาพของอนาคตของโลกหลายส่วนจะถูกกำหนดด้วยประเทศในเอเชีย
ในอดีตการกำหนดชะตาโลก ส่วนใหญ่จะอยู่กับประเทศตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา
หรือยุโรป แต่ในอนาคต ผมเชื่อเหลือเกินว่า ประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย
จะมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น ในอดีตภาพของการค้าพลังงาน จะเป็นภาพของการไหลเข้าออกจากตะวันออกกลาง
ไปสู่ประเทศตะวันตก เช่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
แต่ปัจจุบันเส้นทางการซื้อขายพลังงานได้เปลี่ยนแปลงไป เส้นทางการค้าพลังงานหลัก
เช่น น้ำมันและก๊าซจะไหลมาทางทิศตะวันออกมากกว่าตะวันตก คือ
ไหลจากตะวันออกกลับมาสู่ประเทศยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะจีน อินเดียญี่ปุ่น
เกาหลีและอาเซียน ดังนั้นการโอนถ่ายครั้งนี้จะมีอิทธิพลต่อชะตาโลกในอนาคต

 

Global Energy Markets in Transition : From Vision to Action

          Theme การประชุมAMER
7 จะพูดคุยกัน “Global Energy Transition” หรือ
การเปลี่ยนผ่านพลังงาน
“From vision to action” จากวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติจริง
เพราะปัจจุบันในช่วงเวลา
3 – 5 ปีที่ผ่านมา
เราเห็นภาพชัดเจนแล้วครับว่า
การใช้พลังงานของโลกจะเริ่มมีทิศทางที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก
เปลี่ยนแปลงจากการพึ่งพาน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ เริ่มหาเชื้อเพลิงทดแทนเพิ่มมากขึ้น
เชื้อเพลิงทดแทนอันดับ
1 เลย คือ ก๊าซธรรมชาติ
ถัดจากก๊าซธรรมชาติก็จะมีพลังงานทดแทนในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสายลม แสงแดด
พลังงานแห่งอนาคต ทั้งไฟฟ้าและไฮโดรเจน
เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดชะตาโลกในอนาคต
ส่วนใหญ่การเปลี่ยนผ่านก็จะมีภาพของการวิจัยที่ยังไม่สามารถจับต้องได้
การประชุมครั้งนี้จะเป็นการแชร์ประสบการณ์หรือนำประสบการณ์ของแต่ละประเทศ
มาพูดคุยกันว่า แนวทางการปฏิบัติได้จริงของแต่ละประเทศ
มีการดำเนินการที่แตกต่างกันอย่างไร


พระวิสัยทัศน์ ในหลวง ร.9 นำพาไทยสู่พลังงานทดแทน

                                        

            ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในไม่กี่ประเทศในทวีปเอเชียซึ่งมีการปฏิบัติจริงและมีการริเริ่มการเปลี่ยนผ่านยุคของการใช้พลังงานมานานพอสมควรแล้ว
เราเริ่มจากขั้นตอนแรกเลยก็คือ การเปลี่ยนผ่านจากยุคน้ำมันเพียงอย่างเดียว
มาเป็นยุคที่เริ่มผสมเชื้อเพลิงชีวภาพ หรือ น้ำมัน ที่มาจากไบโอ ตอนนี้น้ำมันในประเทศกว่าร้อยละ
90 ทุกหยด มีน้ำมันไบโอผสม เพราะพระวิสัยทัศน์ของในหลวงรัชกาลที่
9 “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ที่ทรงส่งเสริมผลผลิตด้านเกษตรกรรมของประเทศไทย
สามารถแปลงและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นพลังงานได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าจากพระวิสัยทัศน์นั้น
นำมาสู่ภาคปฏิบัติ ประเทศไทยทำได้แล้ว และเราอยากแชร์ประสบการณ์อันนี้ให้กับประเทศในทวีปเอเชียด้วยเช่นกัน
ประเทศอื่นๆก็มี
Action ที่แปลงมาจากวิสัยทัศน์ หรือ Vision อื่นด้วยเช่นกัน เช่น ประเทศจีน เค้าเริ่มแปลงวิสัยทัศน์ว่า
ในอนาคตจะพึ่งพาน้ำมันและก๊าซ ถ่านหินมากไม่ได้นัก
เค้าเริ่มแปลงสภาพยานยนต์ของเค้าในอนาคต เป็นยานยนต์ไฟฟ้า
แต่ละประเทศอาจจะมีแรงบันดาลใจแตกต่างกัน
Vision แตกต่างกัน

 “ประเทศไทยเราเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียน
ผมมั่นใจว่าเราเป็น
TOP 5 ของประเทศเอเชีย
ในการที่จะริเริ่มและผลักดัน ขับเคลื่อนพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ส่วนหนึ่งแรงบันดาลใจมาจากพระวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
9

 

ตลาดน้ำมัน (Oil Market) – —

  
ในช่วงที่ผ่านมามีการรวมตัวกันอย่างแนบแน่นเพิ่มขึ้นของชาติสมาชิกโอเปก
รวมทั้งสถานการณ์ที่ไม่สงบในหลายพื้นที่ ที่คาดว่าจะมีผลต่อราคาน้ำมัน
ในขขณะเดียวกันข้อกำหนดเรื่องมาตรฐานน้ำมันเรือเดินสมุทรที่ลดปริมาณค่ากำมะถันให้น้อยลงก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน
ซึ่งเรือเดินสมุทรอาจเปลี่ยนจากน้ำมันเตา หรือดีเซลกำมะถันสูง ไปสู่กำมะถันต่ำ
หรืออาจจะเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ
LNG มากขึ้น การหารือเรื่องตลาดน้ำมันจะทำให้ทราบแนวคิดของผลิตและผู้ใช้

-ตลาดก๊าซธรรมชาติ (Gas Market)

        ก๊าซ LNG หรือก๊าซธรรมชาติเหลว
เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านของพลังงานในยุคปัจจุบัน
เพราะว่าในอดีตก๊าซธรรมชาติ มักจะถูกใช้ในประเทศที่ผลิตได้
การค้าระหว่างประเทศน้อยมาก จนมีเทคนิคการแปลงก๊าซนั้นเป็นของเหลว
แล้วนำของเหลวนั้นเข้าตู้เย็น ไปยังประเทศผู้นำเข้าได้ ปัจจุบันสภาพการเปลี่ยนผ่าน
คือ มีแหล่งที่จะผลิตก๊าซ
LNG มากขึ้นและตลาดของผู้ที่ต้องการ
LNG ก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด มีหลายประเทศที่ต้องการ LNG
เข้าไปเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศเค้า 1 ในนั้นก็คือประเทศไทย
เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนผ่านคราวนี้
LNG เริ่มจะมีการค้าขายมากขึ้น
สภาวะการค้าขายคล้ายน้ำมันมากขึ้น ซึ่งสภาวะนี้จะเกิดขึ้นในทวีปเอเชีย
เพราะว่าผู้ผลิตรายใหญ่ คือ การ์ตา ผู้ใช้รายใหญ่ คือ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน
และมีไทย สิงคโปร์เพิ่มขึ้นมา กลายเป็น
Destination หลัก
ของแหล่งก๊าซ
LNG เหล่านี้ เพราะฉะนั้น ทิศทางของ LNG
จะมีอิทธิพลต่อเนื่องไปอย่างน้อย 10 ปีข้างหน้า
จะมีอิทธิพลมากในทวีปเอเชีย

-การเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ทางเลือกการใช้พลังงานทดแทน
โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่าน (
Disruptive Technology) 

   การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เรียกว่า
เทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด หรือ
disruptive technology
หรือเทคโนโลยีที่เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้หลายประเทศฟันธงว่า
disruptive
technology ในเรื่องของพลังงาน จะมีองค์ประกอบ 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1. พลังงานแสงอาทิตย์
โดยเฉพาะถ้าติดตั้งบนหลังคาบ้าน
2.การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแทนยานยนต์น้ำมัน
3.ระบบเก็บสะสมพลังงาน 
เพราะเราคาดว่าถ้าเก็บระบบเก็บสะสมพลังงาน
energy storage เก็บพลังงานแสงแดดช่วงกลางวันก็มีเยอะและสามารถมาใช้ตอนกลางคืนได้
ใช้ชาร์จรถไฟฟ้าได้ สิ่งเหล่านี้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
สำหรับภาคพลังงานทั้งโลก สำหรับประเทศไทย เริ่มเห็นภาพพลังงานแสงอาทิตย์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น

รัฐบาลปัจจุบันของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
มีนโยบายสนับสนุนทั้งยานยนต์ไฟฟ้า และการวิจัย
energy storage อย่างเข้มข้น
เพราะฉะนั้น บริบทประเทศไทยทันสมัยไม่แพ้ในหลายๆชาติ
ในการที่จะส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่วาจะเป็นเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า
solar
rooftop และ energy storage

“เรื่องที่เราเสนอเป็น TOPIC  หรือหัวข้อในการพูดคุยกัน เพราะว่า
ในมุมมองของประเทศผู้นำเข้า เรามองว่า
3 เรื่องนี้
ถ้าต้นทุนต่ำลงมาอยู่ในระดับที่แข่งขันได้กับการใช้น้ำมันปกติ มันจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ
นัยยะหนึ่งก็เป็นการส่งสัญญาณบ่งบอกประเทศผู้ผลิตน้ำมันว่า
ถ้าคุณขายน้ำมันหรือก๊าซแพงเกินไป สิ่งเหล่านี้จะมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเทศท่านอาจจะล่มจมได้”

เตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานรับเทคโนโลยีใหม่

                อีกนัยยะหนึ่งก็ส่งสัญญาณบอกประเทศชั้นนำที่กำลังคิดค้นเทคโนโลยีเหล่านี้ว่า
ถ้าหากเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่แข่งกัน ลดต้นทุนก็จะไม่มีวันสู้น้ำมันได้
ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง
เรามีเทคโนโลยีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า และ
solar rooftop และ energy
storage แต่เราก็อยากจะเป็นประเทศที่แนวหน้าที่เกาะกระแสไปถูกว่าเทคโนโลยีนี้มาแน่
แทนน้ำมันได้แน่ เราก็จะอยู่ค่ายนั้น แต่ถ้าบอกเทคโนโลยีนี้มา
ยังไงน้ำมันก็จะไม่แพงต่อไป
เราก็จะได้เตรียมการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้รองรับได้ทัน
โอกาสนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เห็นว่า แต่ละประเทศมีมุมมองอย่างไร

ไทยพร้อมต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม AMER 7

                   ทุกประเทศในทวีปเอเชีย
อยากมาประเทศไทย อยากมากรุงเทพฯ อยากมาสัมผัสอาหารไทย มานั่งรถตุ๊กๆในประเทศไทย
เพราะฉะนั้น นอกจาก ประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์กลางในการพบปะหารือในเชิงวิชาการแล้ว
ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่อยู่บนทางที่จะเลือกตัดสินใจเหมือนกัน
ถึงแม้ปัจจุบันนโยบายเราจะเป็นนโยบายแบบผสมผสาน คือ
ยังให้พลังงานฟอสซิลมีบทบาทสำคัญแต่อีกนัยยะหนึ่ง
ก็ยังมีนโยบายเข้ามาส่งเสริมเพื่อให้เกิดพลังงานรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะพลังงานทดแทน
ไม่ว่าจะเป็น
3 เทคโนโลยีที่พูดถึง คือ ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) , Solar
Rooftop และ Energy Storage

          “ เราเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีนโยบายขับเคลื่อนประเทศที่โดดเด่น
แต่ว่าเราตอบไม่ได้ว่า
3 อย่างนี้จะแทนน้ำมันได้หรือเปล่า ถ้าแทนได้ ราคาเท่าไหร่
การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้พลังงาน ในเอเชีย สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม
AMER 7

 

 

 

 

 

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล แจ้งกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหาร หวั่นเกิดโรคระบาด

ทำเนียบ 4 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล ยืนยันดูแลทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างดี พร้อมเปิดให้องค์การระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชุม GBC เชื่อจะทำอย่างรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศ พร้อมแจ้ง รมต.กลาโหมกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหารกัมพูชา หวั่นทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคระบาด พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ในการประชุม GBC ที่เริ่มขึ้นในวันนี้  เราได้มีการเตรียมแนวทางที่จะไปประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้เสนอให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา เพื่อให้เห็นชอบ จากนั้น ก็ได้มาเตรียมการในเช้าวันเสาร์ ประกอบกับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางมาเลเซียได้ติดต่อขอประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา แต่ในการประชุม 3 ฝ่าย ไม่ได้มีการลงประเด็น โดยไทยตอบเพียงในเรื่องหลักการ และในวันอาทิตย์ก็ได้คุยกับเหล่าทัพว่า ยืนยันและรับได้หรือไม่ รับได้ไหม พอใจไหม สบายใจไหม เหล่าทัพก็สบายใจ และกองเลขาฯ ก็ไปประชุม GBC ซึ่งจะใช้เวลาประชุมในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม และในวันที่ 6 […]

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ

ทำเนียบ 4 ส.ค.-สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ หน่วยงานความมั่นคงยังเฝ้าระวัง วางแนวกำลังปฏิบัติการตามแผน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภาพรวมเหตุการณ์ทั่วไปถึงเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังคง เฝ้าระวัง โดยยังวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน เพื่อรักษาอธิปไตยไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย