วงเสวนาสะท้อนสิทธิเสรีภาพในไทยยังมีปัญหา

สำนักงาน กสม.  13 ก.ค. -วงเสวนาโรดแมปสิทธิมนุษยชนเส้นทางประชาธิปไตย  เห็นตรงกันสิทธิเสรีภาพในรัฐบาลหลังรัฐประหารยังมีปัญหา”วัส” ระบุตราบาปรัฐธรรมนูญ 60  คนร่างมีวาระซ่อนเร้น  ใช้กฎหมายเซ็ตซีโรองค์กรอิสระ     “บรรเจิด”  เห็นว่า เรื่องการเซ็ตซีโร่ กสม.และ กกต.เป็นรอยด่างในรัฐธรรมนูญ 60   ด้าน “พงษ์เทพ”  ชี้องค์กรอิสระขาดความน่าเชื่อถือ  เพราะได้ประโยชน์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ก.ค.)สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  จัดงานครบรอบวันสถาปนาองค์กร กสม. 17 ปี โดยมีการเสวนาหัวข้อ   “โรดแมป สิทธิมนุษยชนเส้นทางประชาธิปไตย”   โดยมี นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยนชนแห่งชาติ    นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม   นายบรรเจิด สิงคะเนติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์   และนายวิทิต มันตราภรณ์   อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเวที  โดยส่วนใหญ่เห็นตรงกัน  ว่าเรื่องของสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยมีความก้าวหน้ามาโดยลำดับ  แต่ยังมีหลายอย่างที่เป็นปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิเสรีภาพ

นายวัส  กล่าวว่า การเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญให้กรรมการในองค์กรอิสระอยู่ในวาระต่อไปหรือไม่  ให้เป็นไปตามกฎหมาย จนทำให้มีการเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระ   แต่ไม่เซ็ตซีโร่บางองค์กร  จะเป็นปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรที่ไม่ถูกเซ็ตซีโร  ว่าจะมีการคอบแทนบุญคุณหรือไม่    ซึ่งตนและ กสม.บางคนได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย  แต่ก็มีการยกคำร้อง   ในขณะที่คนที่จะต้องเป็นผู้วินิจฉัย คือ  ศาล  ก็ได้ประโยชน์จากกฎหมายลักษณะนี้  ทำให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ขัดกัน   ถือเป็นเรื่องที่ผิดตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญ  เหมือนเป็นตราบาป   จึงเชื่อว่าผู้เขียนกฎหมายน่าจะมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่  และเห็นว่ารัฐธรรมนูญที่ต้องการลดความขัดแย้งภายในประเทศนั้น  หากผู้มีอำนาจในปัจจุบันเดินหน้าเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะทำให้เห็นได้ว่าความหวังที่คิดว่าปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติจะเลือนลางเต็มที


นายวิทิต  กล่าวว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศที่มีความก้าวหน้า คือ  เรื่องการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ การปราบปรามการค้ามนุษย์  มีการนำหลักการสากลมาใช้ในประเทศมากขึ้น  และการนำกระบวนการยุติธรรมปกติมาใช้ในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น  แทนที่จะใช้แต่ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเพียงอย่างเดียว   แต่สิ่งที่ยังไม่ราบรื่น คือ เรื่องนิรโทษกรรมตนเองยังมีอยู่ หรือการลังเลเรื่องการเลือกตั้งทำให้นานาชาติไม่สบายใจและเรื่องสิทธิเสรีภาพยังมีปัญหาทั้งเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 นอกจากนี้ยังมีการจับกุมคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย   และมีการลงโทษประหารชีวิต   อย่างไรก็ตามในเรื่องพื้นที่สู่การเลือกตั้ง มี 4 คดี ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ  เปิดช่องทางสู่การเลือกตั้งง่ายขึ้นคือ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ออกมาแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง / ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.  / ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ   และกรณีที่ยกฟ้องเรื่องการทำรัฐประหาร ทำให้การเลือกตั้งน่าจะเร็วขึ้น  จึงอยากให้เปิดพื้นที่การแสดงออกมากขึ้น  และเปิดให้ภายนอกเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง  จัดการเลือกตั้งให้เกิดความเสรีและเที่ยงธรรม อย่างไรก็ตามเรื่องของสิทธิมนุษยชนนั้น  ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งหรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง  ก็ไม่มีหลักประกันว่าสิทธิมนุษยชนจะได้รับความคุ้มครอง   สังคมจึงต้องร่วมกันผลักดันให้ผู้มีอำนาจเคารพสิทธิมนุษยชนของประชาชนด้วย พร้อมกับเสนอให้ลดการใช้กฎหมายที่ไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน   และคดีที่เกี่ยวกับพลเรือนอย่าไปขึ้นศาลทหาร  หรือถ้าขึ้นศาลทหารก็ขอให้อุทธรณ์ไปยังศาลพลเรือนได้

ด้านนายบรรเจิด   กล่าวว่า หลักการสิทธิมนุษยชนกับหลักการประชาธิปไตยเป็นรากแก้วของเสรีประชาธิปไตย คือหลักนิติรัฐนิติธรรมและประชาธิปไตย  ต้องสัมพันธ์กันจึงจะอยู่อย่างมั่นคงได้  ประเทศไทยเรื่องหลักนิติรัฐ นิติธรรม มีปัญหาตั้งแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2560   ส่วนประชาธิปไตยในรอบหนึ่งทศวรรษมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งและไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง    ซึ่งรัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่มีปัญหาเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก   แต่เมื่อมีการใช้เสรีภาพในการชุมนุมกลับมีปัญหาเรื่องการทำลายชีวิต   ส่วนรัฐบาลที่ไม่มาจากการเลือกตั้งมีข้อจำกัดเรื่องการแสดงออก  แต่มีความมั่นคงในชีวิตและร่างกาย  เพราะฉะนั้นบริบทสิทธิมนุษยชนในหนึ่งทศวรรษจึงมีปัญหาทั้งสองด้าน   จึงเหมือนทางสองแพ่งว่าจะเดินต่ออย่างไร นายบรรเจิด ยังเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 60  มีปัญหา   เพราะแม้จะมีการกำหนดเรื่องหลักนิติรัฐ  นิติธรรมเอาไว้ แต่กลับมีการเซ็ตซีโร กกต.และ กสม. คุ้มครองบางองค์กร   ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต  เช่น ป.ป.ช.หากวินิจฉัยเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายการเมืองก็จะถูกมองว่าสองมาตรฐาน  เพราะได้ประโยชน์จากการไม่ถูกเซ็ตซีโร่   จะกลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาขยายผล ถือว่าเป็นรอยด่างของรัฐธรรมนูญที่ควรจะซักฟอกใหม่  ไม่เช่นนั้นจะเป็นรอยด่างไปชั่วนิรันดร์  ไม่สามารถอธิบายหลักความเสมอภาคและการเลือกปฏิบัติได้  อีกทั้งขัดกับหลักการให้กฎหมายมีผลย้อนหลัง

“เพราะกฎหมายมหาชนกฎหมายมีผลย้อนหลังได้  แต่รัฐต้องอธิบายได้ว่า  มีประโยชน์สาธารณะสำคัญกว่าหลักการคุ้มครองความสุจริต  พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่การระบุเกี่ยวกับสิทธิการชุมนุม   ว่าต้องไม่กระทบความมั่นคงของรัฐ   ซึ่งจะทำให้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมถูกจำกัดตั้งแต่ต้นทาง”นายบรรเจิด กล่าว


ส่วนนายพงษ์เทพ  เห็นว่า เมื่อประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยก็ทำให้ประชาชนไม่มีสิทธิมนุษยชนอย่างที่ควรจะเป็น  ทำอะไรไม่ได้  เพราะจะถูกจับตั้งข้อหา  อีกทั้งรัฐธรรมนูญปี 60 ยังคุ้มครองการใช้อำนาจของ คสช.ให้ใช้อำนาจได้ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ   ซึ่งเป็นระบบที่แย่กว่ารัฐบาลจากการรัฐประหารในอดีต  เพราะสามารถแทรกแซงได้ทั้งศาลและองค์กรอิสระ  และยังมีการกำหนดถึงวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระให้ขึ้นอยู่กับกฎหมาย จนมีการเซ็ตซีโร่  กสม.และ กกต.แต่หลายองค์กรได้รับความคุ้มครอง  ทำให้สังคมขาดความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน   นอกจากนี้ยังกำหนดให้ ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของ คสช. 250 คน  มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี  และจะเป็นผู้ให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระในอนาคต  ทำให้เชื่อมั่นไม่ได้ ขณะเดียวกันผู้มีอำนาจก็แสดงท่าทีว่าจะกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง  ทำให้กระบวนการตรวจสอบมีปัญหา อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยแม้จะมีปัญหา แต่การปกครองระบอบอื่นมีปัญหามากกว่า  โดยในช่วงการบริหารของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร  คงต้องฝากความหวังไว้กับศาลเพียงอย่างเดียว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย