รัฐสภา 12 ก.ย.-“เปรมศักดิ์” ยื่นประธานวุฒิ ขอตั้งวาระหารือ ให้ สว.แสดงจุดยืนแก้ รธน. พร้อมขอให้ สว.สละอำนาจตนเอง เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นอาถรรพ์แก้ รธน.
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แถลงว่า ตนได้ยื่นเรื่องต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาบรรจุวาระการปรึกษาหารือต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 15 ก.ย. ต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยต่อกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ คือให้ทำประชามติ 3 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้สว.ได้แสดงท่าทีต่อประเด็นดังกล่าว และไม่ตกขบวนหลังจากที่ฝ่ายการเมืองแสดงความเห็นและแสดงท่าทีต่อการยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไปแล้วในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา
“หาก สว.นิ่งดูดาย หรือไม่ชัดเจน อาจถูกมองว่าเพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้นการขอให้วุฒิสภาใช้เวทีประชุมเพื่อปรึกษาหารือในวันที่ 15 ก.ย. จะเป็นการระดมความเห็นของสว.ว่าเห็นด้วยหรือไม่ และนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เพราะการแก้ไขต้องใช้เสียงสว. เห็นชอบ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง หากไม่ได้เสียงเพียงพอ จะเป็นเดดล็อกของการแก้วิฤตรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งผมหวังว่า สว.จะร่วมขบวนไปด้วยกัน เพราะขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่าในประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ไม่ให้อำนาจประชาชนเลือกโดยตรงนั้น ตนมองว่ามีวิธีที่จะดำเนินการได้ คือโดยใช้กรณีของ สสร. 40 ที่ให้เลือกมาจากจังหวัดละ 1 คนและมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 23 คน รวมเป็น 99 อรหันต์ เพื่อมาทำรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด ที่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้นแม้ไม่สามารถเลือก สสร.โดยตรงจากประชาชนได้ สามารถให้ประชาชนเสนอรายชื่อแต่ละจังหวัด ให้รัฐสภาเลือกจังหวัดละ 1 คน และเลือกผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ทำงานที่ ซึ่งตนมองว่าระยะเวลาการยกร่างรัฐธรรมนู อาจต้องใช้เวลา 2 ปี
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับการทำประชามติที่ศาลรรัฐธรรมนูญกำหนดให้ทำ 3 ครั้ง แต่สามารถรวมครั้งแรกกับครั้งที่สองได้ ตนมีข้อเสนอ คือ ตั้งคำถามรวมกัน ว่า คำถามแรก ประชาชนเห็นควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ และคำถามสองเป็นกรณีต่อการออกเสียงประชามติในเนื้อหาและวิธีการเป็นอย่างไร
“ดังนั้นเมื่อแก้รัฐธรรมนูญได้และรัฐสภาเห็นชอบ สามารถนำไปออกเสียงประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป หลังการยุบสภาภายใน4 เดือนได้” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ซึ่งอาจเสนอตัดเงื่อนไขเสียงสว. 1 ใน 3 เห็นชอบ จะทำให้สว.เห็นชอบด้วยหรือไม่ เพราะตัดอำนาจของ สว. นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า หากไม่อยากให้ประเทศมีวิกฤตรัฐธรรมนูญซ้ำอีก และไม่อยากให้มีอาถรรพ์ ขอให้ทุกฝ่ายมองประเทศและปัญหาที่รอคอยการก้ไข ต้องสละอำนาจของตนเองเพื่อไม่เกิดวิกฤตรรัฐธรมนูญซ้ำอีก.-312.-สำนักข่าวไทย