กรุงเทพฯ 12 ก.ค.-“อุตตม สาวนายน“โชว์ผลงานรัฐบาลถึงความคืบหน้าโครงการอีอีซี เชื่อผลจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ที่มีนักลงทุนไทยแลต่างประเทศ สนใจซื้อซองประมูลมากถึง 31
ราย จะช่วยให้โครงการต่าง ๆในอีอีซี เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
กล่าวในการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจในอาเซียนหรือ บลูมเบิร์ก อาเซียน บิสสิเนส
ซัมมิต (Bloomberg ASEAN Business Summit) ครั้งที่ 4 โดยย้ำให้นานาประเทศทราบถึงความก้าวหน้าสำคัญในการบริหารประเทศของรัฐบาลไทย
ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า
รัฐบาลสามารถทำตามคำสัญญาที่ได้เคยให้ไว้กับคนไทยและกับนานาประเทศได้แล้ว โดยเฉพาะใน 3 ด้านได้แก่
ด้านความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
ด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ และด้านการปฎิรูปประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่ขณะนี้ ถือได้ว่า มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
นายอุตตม กล่าวถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่แล้ว
เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 200,000 ล้านบาท
ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากนักลงทุนทั้งในประเทศและหลายประเทศถึง 31 ราย แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ของอีอีซีว่า
เป็นไปตามแผนที่วางไว้
และเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยหนุนให้โครงการอื่น ๆใน อีอีซี เกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
โครงการพัฒนาท่าเรือสัตหีบและท่าเรือมาบตาพุด อีกทั้งยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทย
ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของหลาย ๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็น
จีนที่มีนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and
Road) นโยบายของประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่มุ่งมายังอาเซียนได้
นอกจากนี้ ยังแสดงให้นานาประเทศทราบว่า
ในการพัฒนาประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0
รัฐบาลไทยต้องการพัฒนาประเทศไปให้เติบโตไปพร้อมกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในอาเซียน
สะท้อนในยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี ที่เน้นความร่วมมือ
ความเชื่อมโยง ทั้งทางกายภาพ เช่น ระบบถนน ระบบรางรถไฟ
ที่คำนึงถึงการเชื่อมต่อไม่เพียงแต่ภายในประเทศเท่านั้น
แต่ยังคำนึงถึงการเชื่อมต่อระหว่างประเทศด้วย และยังเชื่อมต่อในเรื่องเทคโนโลยี
เชื่อมต่อภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันในห่วงโซ่อุปทานระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาอีกด้วย
ส่วนสงครามการค้าระหว่างประเทศขนาดใหญ่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
กล่าวว่า สงครามการค้าย่อมส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก
ที่ยังพึ่งพาการส่งออกอยู่มาก การมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ถอดแบบออกมาเป็นนโยบายประเทศไทย
4.0 ที่มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ
จะช่วยลดการพึ่งพิงการส่งออกลงได้
อีกทั้งถ้าหากประเทศในกลุ่มเอเซียและประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน
มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ค้าขายระหว่างกันได้โดยไม่มีสงครามการค้า
ก็จะเป็นเกราะป้องกันความผันผวนของการค้าโลกได้- สำนักข่าวไทย