“น.อ.อนันท์” เล่าภารกิจสู้น้ำ-ความมืดในถ้ำหลวง 13 ชีวิตทิ้งไม่ได้

กทม. 11 ก.ค.-“น.อ.อนันท์” เล่าภารกิจสุดหินของหน่วยซีล จากชาวทะเล เมื่อต้องปฏิบัติภารกิจในถ้ำหลวงค้นหา 13 ชีวิตทีมหมูป่า ไม่ง่ายอย่างที่คิด


น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เล่าการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยซีลในถ้ำหลวง กล่าวว่า ผมเข้าพื้นที่ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ ถึงพื้นที่บริเวณหน้าถ้ำหลวง เวลา 02.45 น. หลังฟังบรรยายหน้าถ้ำ ได้เข้าไปในถ้ำเวลา 04.00 น. พวกเราเป็นชาวทะเล จากการฟังบรรยายสรุป ก็นึกภาพไม่ออกว่าสถานที่เกิดเหตุจะเป็นอย่างไร ถ้ำก็น่าจะมีแสงสว่างให้เราพอทำงานได้บ้าง หลังจากฟังบรรยายสรุปเสร็จก็มั่นใจว่าภารกิจนี้ไม่น่ายาก เพราะเรารู้แล้วว่าเด็กไปทางไหน แต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในถ้ำ “รู้แล้วว่าไม่ใช่งานง่ายละ” ในถ้ำมืดสนิท เส้นทางจากปากถ้ำไปยังสามแยกที่คาดว่าเด็กๆ จะเข้าไปเกือบ 3 กม. อาจจะต้องปีนโขดหินที่คล้ายๆ หน้าผา บางช่วงก็ลอดรูเล็กๆ เข้าไป 


วันแรกเราไปถึง 3 แยกประมาณตี 5 ครึ่ง เราเริ่มดำน้ำ 7 โมงเช้า สามารถทะลุไปอีกฝั่งหนึ่งที่คิดว่าเด็กๆ จะไปถึงประมาณระยะหนึ่ง ตลอดเส้นทางสังเกตว่าผนังถ้ำเป็นโคลนหนา ประมาณได้เลยว่าถ้ำนี้เคยมีน้ำท้วม พัดโคลนมาเต็มถ้ำ ขณะที่เราทำงานอยู่ 3 แยก น้ำจะไหลมาจากเส้นทางบ้านผาหมี เวลาตี 5 ถึง 4 โมงเย็น เราทำงานจนลืมเวลา แต่ก็สังเกตน้ำอยู่เรื่อยๆ ว่าน้ำขึ้นตลอดเวลา 4 โมงครึ่ง น้ำขึ้นเร็วมาก จากชั่วโมงละ 3 เซนติเมตร เป็นชั่วโมงละ 8 เซนติเมตร, 13 เซนติเมตร ประมาณสถานการณ์แล้วว่าน่าจะเกิดอันตรายเพราะฝนตกตลอด ไม่รู้ว่าน้ำจะหลากเข้ามาในถ้ำเมื่อไหร่ เราต้องรีบถอนตัว ก็ได้เสนอผู้ว่าฯ ถ้าเราจะทำงานได้ ต้องสูบน้ำ เพราะเรานึกภาพว่าน้ำเต็มท่อ 3 กิโลเมตร, 4 กิโลเมตร เราไม่รู้ว่าจะมีโพรงโผล่หายใจได้หรือไม่ ผู้ว่าก็ระดมสรรพกำลังสูบน้ำ แต่การสูบน้ำก็ลดน้อยมาก ซึ่งเราไม่สามารถรอเวลาได้ เพราะเวลาล่วงเลยมามากแล้ว จำเป็นต้องเดินหน้าต่อ

ในช่วงที่รอน้ำลด ทีมงานของเราก็ทำการดำน้ำเพื่อวางไกด์ไลน์ไปเรื่อยจากโถง 3 ถึง 3 แยก เราก็สามารถวางเบสไลน์ถึง 3 แยกได้ โดยที่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้ำจะลด ซึ่งก็เป็นที่ว่ามาเราต้องขอรับการสนับสนุนขวดอากาศอีกหลาย 100 ขวด ในช่วงสูบน้ำไปเรื่อยๆ เราก็วางเบสไลน์ไปเรื่อยๆ จนถึงชุดสุดท้ายของนักดำอังกฤษที่เข้าไปถึงตรงที่เด็กๆ อยู่ 


นักดำอังกฤษออกจากโถง 3 ไปจนพบเด็กแล้วกลับมาบอกว่า พบเด็กๆ แล้ว ใช้เวลาในการดำน้ำ 5 ชั่วโมงครึ่ง พวกเราก็โอเค นักดำต่างชาติดำถึงแล้ว วางไกด์ไลน์เรียบร้อยแล้ว เราก็ประเมินว่าน่าจะไม่เกิน 500-700 เมตร เราประเมินแล้วว่าเราน่าจะไปได้ ทีมงานเราจึงเตรียมเสบียง น้ำ อาหารเจลพลังงาน แผ่นฟอยล์ที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น โดยส่งทีมแรกไปเป็นซีลทั้งหมด จำเวลาไม่ได้ เพราะเราทำงานแบบไม่รู้วัน เราจะดูแค่ว่าอีกกี่ชั่วโมงเราจะออก นักดำน้ำที่เราส่งเข้าไปจะกลับ เราส่งนักดำน้ำไปโดยคัดคนที่คิดว่าเจ๋งที่สุดแล้ว 4 คนออกไป ชั่วโมงต่อไปก็ส่งไปอีก 3 คน ในนั้นมีหมอภาคย์ด้วย 1 คน เพื่อให้ไปดูแลเด็กๆ 

“เชื่อมั้ยว่า 2 ทีมที่ส่งไป ขาดการติดต่อไป 23 ชั่วโมง นี่คือความเครียดของผู้ปฏิบัติที่ส่งลูกน้องออกไปทำงานแล้วไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย” เพราะเราประเมินแล้วต่างชาติดำ 5 ชั่วโมงครึ่ง ศักยภาพเราอย่างมากก็อาจเป็น 7 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง ต้องกลับ แต่ 8  ชั่วโมงก็แล้ว 10 ชั่วโมงก็แล้ว 20 ชั่วโมง จน 23  ชั่วโมงผ่านไป ชุดซีลชุดแรกจึงกลับมาที่โถง 3 กลับมาก็กลับมาแค่ 3 คน เพราะที่เหลือที่ดำเข้าไปโดยใช้ขวดอากาศคนละ 4 ถัง ดำเกือบหมดทุกคน มี 3 คนที่พอจะมีอากาศเหลือดำกลับมาที่โถง 3 เพื่อรายงานข่าว ก็เป็นเหตการณ์ที่ผู้รับผิดชอบตรงหน้างานเครียดตลอดเวลา

เพราะว่าความยากของงานนี้ก็คือ 1.ความมืด 2.เป็นงานใหม่ที่เราไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน 3.ความเย็นของน้ำในถ้ำ 4.เราไม่รู้ว่าน้ำจะมาอีกเมื่อไหร่ ปัจจัยต่างๆ คือความเสี่ยงที่เราต้องคิดอยู่ตลอดเวลา แต่เรามีทีมนักฟุตบอลอยู่ 13 ชีวิตที่รอคอยเราอยู่ เราทิ้งไม่ได้ โดย 3 คนที่กลับมาต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด เพราะสภาพร่างกายแย่มาก เมื่อเราเจอสถานการณ์แบบนี้เราต้องคิดใหม่แล้วว่าเราจะเดินต่อไปอย่างไร

ทุกครั้งที่ผู้บังคับบัญชามาให้กำลังใจ ทุกครั้งที่มีรายงานจากข้างนอกถ้ำว่าเดินสำรวจบนเขาแล้วไม่มีช่อง ไม่มีรูที่จะเข้าไปหาน้องๆ ได้ ความหวังที่เป็นไปได้มากที่สุดแม้ว่าจะมีโอกาสน้อยก็คือทางน้ำเท่านั้น ก็เป็นแรงกดดันที่เราจะต้องเดินต่อ เราก็มาปรับแผนใหม่ว่าถ้าจะดำไปหาเด็กๆ ได้ก็ต้องวางขวดอากาศเป็นระยะ เป็นที่มาว่าเราระดมขวดมา แล้วก็จัดทีมออกไปวางขวดอากาศ

ทุกครั้งที่ส่งลูกน้องออกไปทำงาน 10 ชั่วโมงก็มี 7 ชั่วโมงก็มี 3 ชั่วโมงบ้าง กว่าเขาจะกลับมาให้เราเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ นี่คือความยากของมัน จนวันที่มีเหตุการณ์ที่พวกเราก็ทราบว่า “จ่าแซม” ในคืนวันนั้นท่านก็รับอาสาไปวางขวดอากาศร่วมกับทีมนักดำน้ำต่างชาติ ท่านออกไปกับทีมต่างชาติ 4 คน คนไทย 2 คน โดย 1 ในนั้นคือ “จ่าแซม” ซึ่งต่างชาติไปวางขวดอากาศกลับมาใช้เวลา 3 ชม. ส่วน “จ่าแซม” กับอีกท่าน 5 ชั่วโมงผ่านไป 6 ชั่วโมงผ่านไป 7 ชั่วโมงผ่านไปไม่กลับทั้ง 2 คน แต่ประเมินสถานการณ์เข้าข้างตัวเองว่า ลูกน้องเราอาจจะเหนื่อยแล้วพัก จนประมาณตี 1 คู่บัดดี้ดำกลับมาที่โถง 3 คนเดียว แล้วแจ้งว่าเกิดเหตุไม่ดีขึ้น ก็เป็นคืนที่เราสูญเสีย แต่ว่าสูญเสีย 1 ชีวิตกับอีก 13 ชีวิตที่ยังรอเราอยู่ ก็ต้องเดินหน้าต่อ

ทุกคนยอมรับในความเสี่ยง เพราะหน่วยเราถูกฝึกมาเพื่อรับภารกิจเสี่ยงอยู่แล้ว ในเรื่องความสูญเสียเราก็เตรียมใจอยู่แล้ว สุดท้ายถือว่างานนี้เป็นโอกาสดีของหน่วยงานของผมเองที่ได้ร่วมงานกับนักดำน้ำระดับโลก ทำให้เราได้เห็นวิธีการ แนวทางเทคนิคในการดำน้ำในถ้ำ เพื่อที่เราจะได้พัฒนาขีดความสามารถเพื่อรองรับอุบัติภัยของเราในอนาคต” น.อ.อนันท์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

South Korea's presidential election voting place

เกาหลีใต้เลือกตั้ง ปธน.หลังการเมืองวุ่นหลายเดือน

โซล 3 มิ.ย.- ชาวเกาหลีใต้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ หลังจากการเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 44.39 ล้านคน ในเกาหลีใต้เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ที่เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ส่งกำลังตำรวจทั้งหมด 28,590 นายไปประจำการตามคูหาเลือกตั้งทั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย การลงคะแนนจะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังปิดหีบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว มีการจัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.74 สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2557 การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2570 หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองนานหลายเดือน จากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติต่อการกระทำของนายยุน มากกว่าการชูนโยบายแข่งขันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่ง […]

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

นายกฯ นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.- นายกฯ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรพระสงฆ์ 148 รูป ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเวลา 07.30 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 148 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระและคู่สมรส รองนายกรัฐมนตรีและภริยา รัฐมนตรีว่าการผู้บริหารหน่วยราชการในพระองค์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ พร้อมภริยา และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงปะรำพิธี พระสงฆ์จำนวน 10 รูป ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ จากนั้น […]

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย