ทำเนียบฯ 11 ก.ค. – นายกรัฐมนตรี ขอสื่อฯ อย่ายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของทีมหมูป่า 13 ชีวิต หลังออกจากโรงพยาบาล ชี้อยากให้ใช้ชีวิตและเรียนหนังสือตามปกติ พร้อมเผยสถานการณ์ถ้ำหลวงทุกอย่างสำเร็จเกือบ 100% ขออย่าดราม่าไม่ใช้เรือดำน้ำจิ๋วของอีลอน มัสค์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 คน ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ว่า ขณะนี้ทุกอย่างประสบความสำเร็จเกือบ 100% เพราะยังคงเหลือในเรื่องของขั้นตอนทางการเแพทย์ในการฟื้นฟู ดูแลให้ทุกคนมีความปลอดภัย ก่อนส่งกลับไปยังครอบครัว ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติการตามมาตรฐานสากลทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้ไทยยังได้ในเรื่องของการบูรณาการ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การแสดงออกถึงน้ำใจจากนานาประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาสื่อมวลชนพยายามนำเสนอข่าวอย่างดีที่สุด จึงขอขอบคุณสื่อฯ ที่เข้าใจกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่บางครั้งมีการจำกัดพื้นที่การทำข่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความถูกต้องในการให้ข้อมูล ขอให้สื่อมวลชนระมัดระวัง เพราะตนได้เห็นบทสัมภาษณ์ของผู้ประสบเหตุเหมืองถล่มที่ประเทศชิลี ที่ชีวิตเปลี่ยนไปหลังได้รับการช่วยเหลือ หลายเรื่องที่ได้รับการสัญญาว่าจะได้ แต่สุดท้ายไม่เป็นไปตามนั้น
“สิ่งที่ต้องระมัดระวังและให้ความสำคัญมากที่สุดในกรณีของทั้ง 13 คน คือช่วงหลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้ว เช่น การรักษาความเป็นส่วนตัว ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวัง เพราะเด็กยังมีภูมิต้านทานน้อย และบางครั้งการพูดหรือการให้สัมภาษณ์ ก็จะเป็นมุมมองของเด็ก ก็ขออย่านำไปขยายความ ซึ่งหนทางที่ดีที่สุด ก็คือการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเด็ก ๆ หลังจากนี้ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ ได้เรียนหนังสือและเป็นคนดีของสังคม เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่เกิดกรณีเช่นเดียวกับชิลี และมีการดูแลผู้ประสบภัยอย่างเหมาะสมที่สุด ส่วนกำลังใจก็ต้องส่งให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการพบกับนายอีลอน มัสค์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท เทสล่า ที่เดินทางมาส่งมอบเรือดำน้ำจิ๋วให้การปฏิบัติการครั้งนี้ ว่า ได้พูดคุยกับนายอีลอน มัสค์ ว่าแม้เครื่องมือดังกล่าวจะไม่ได้นำมาใช้ในการปฏิบัติการครั้งนี้ เนื่องจากสภาพต่าง ๆ ของถ้ำหลวงและถ้ำที่อื่นของโลก มีความแตกต่างกัน แต่ถือว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยในอนาคตที่จะได้เรียนรู้เทคโนโลยี และนำไปศึกษา ต่อยอดพัฒนากับกรณีอื่น ๆ ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ไทยได้รับ นั่นคือน้ำใจจากทั่วโลก รวมถึงผู้นำประเทศต่างๆ ได้ชื่นชมความสำเร็จในการปฏิบัติการของไทย และเสียใจกับการสูญเสีย จ.อ.สมาน กุนัน ที่เปรียบเสมือนวีรบุรุษในเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลจะให้การดูแลอย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือทุกคนในการที่จะไม่ขยายความให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ หรือ ดราม่า เรื่องการไม่ใช้เครื่องมือของนายอีลอน มัสค์ เพราะแม้ไม่ได้ใช้ แต่ประเทศไทยก็มีความต้องการในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกังวลและให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้ คือการปรับสภาพพื้นที่ ให้กลับสู่สภาพปกติมากที่สุด โดยเฉพาะส่วนที่เป็นพื้นที่รับน้ำ และเป็นพื้นที่ระบายน้ำลงจากภูเขา โดยต้องหาวิธีจัดการกับปริมาณน้ำที่มีจำนวนมากขณะนี้ ซึ่งอาจะต้องพิจารณาหาพื้นที่กักเก็บน้ำ เพื่อไม่ให้กระทบพื้นที่การเกษตร
ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรี ว่าช่วงนี้ดูเหน็ดเหนื่อย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพราะมีงานหลายอย่างที่ต้องทำตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) ก็ต้องเดินทางไปเยือนประเทศศรีลังกา แต่การบริหารงานก็ไม่ได้ขาด เพราะมีการติดต่อสื่อสารตลอดเวลา เช่น ศูนย์ที่ช่วยเหลือถ้ำหลวง ก็ติดตามตลอดเวลา เพื่อรับฟังความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล เพราะตนต้องรับผิดชอบในภาพรวม เนื่องจากตนเป็นผู้บัญชาการศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ และมอบหมายกรอบการทำงานไปยังพื้นที่
ขณะที่การจัดเลี้ยงขอบคุณผู้ปฏิบัติงานนั้น ก็จะพิจารณาอย่างเหมาะสม โดยกระทรวงมหาดไทยก็ปรึกษาหารือกันอยู่ แต่ขอให้สถานการณ์ในพื้นที่เรียบร้อยจริงๆ ก่อน เมื่อส่งเด็กกลับไปสู่ครอบครัว และ ศอร. ก็จะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดแทน และในพื้นที่ก็ต้องจัดการในเรื่องของการเก็บของ เช็คบัญชีการช่วยเหลือ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำ ปรับพื้นที่ให้เข้าสู่ธรรมชาติเช่นเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การสั่งการในพื้นที่นั้น มอบหมายให้นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ดูแล โดยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะได้มอบแนวทางการให้ไปปฎิบัติ โดยใช้หลักการทางทหาร แต่ตนก็ยังต้องติดตามสถานการณ์อยู่ดี เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และขอขอบคุณสื่อมวลชน ที่เชื่อฟังเหตุผลในการปิดกั้นพื้นที่ เพราะการนำเสนอข่าวนั้น มีสองด้านเสมอ คือเรื่องที่ดี และเรื่องที่ไม่ดี โดยเฉพาะหากข้อมูลคลาดเคลื่อน ก็อาจส่งผลกระทบต่อคนดูข่าวได้ ส่งผลให้คนท้อแท้ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตนไม่เคยพูดว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ในใจนั้น เชื่อว่าจะสำเร็จได้ เพราะมีแรงศรัทธา เช่นเดียวกับแรงศรัทธานี้ ก็ส่งผลให้ตนมีแรงในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นอยากให้ทุกคนตั้งมั่นในสิ่งเหล่านี้ แล้วสติปัญญาจะเกิดขึ้นในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม อยากให้สื่อมวลชนลดการนำเสนอข่าวดราม่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ได้ทำดีมาตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสื่อต่างประเทศที่สนใจนำเรื่องของ13 คนในถ้ำหลวงนี้ไปทำเป็นภาพยนตร์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องพิจารณาดูเค้าโครงเรื่องว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยมีคณะกรรมการด้านภาพยนต์ระดับชาติและกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณา
ส่วนเมื่อเหตุการณ์ช่วยเหลือหมูป่าผ่านไปแล้วการเมืองจะกลับมาเข้มข้นขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่สนใจ การเมืองต้องทำไป เมื่อถึงเวลาปลดล็อก ก็ดำเนินกิจกรรมได้ แต่ถ้ายังไม่ปลดล็อก และทำความผิดก็ต้องดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย