จ.เชียงราย 11 ก.ค.-รพ.เชียงรายฯ กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ขณะที่ทีมหมูป่าฯ ทั้ง 13 คนสภาพจิตใจ-ร่างกายแข็งแรงดี ผลตรวจห้องปฏิบัติการของกลุ่มแรกยังไม่พบเชื้อโรคประจำถิ่นอันตราย
นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 พร้อมนพ.สำเริง สีแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ เปิดเผยว่าโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้รับมอบหมายให้เป็นโรงพยาบาลหลักด้านการรักษาและควบคุมป้องกันโรคแก่สมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ช ซึ่งได้ทยอยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 8 -10 กรกฎาคม 2561 ครบทั้ง 13 คนแล้ว
ผู้ป่วยกลุ่มที่ 1 จำนวน 4 คน อายุ 14-16 ปี เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2561 ล่าสุดเช้านี้(11 ก.ค.) อาการโดยรวมทุกคนสดชื่นดี สามารถลุกนั่งทำกิจวัตรประจำวัน รับประทานอาหารปกติได้ โดยเริ่มอาหารที่มีพลังงานตามที่ร่างกายของผู้ป่วยควรได้รับ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี่ ทีมแพทย์อนุญาตให้ญาติเยี่ยมผู้ป่วย โดยญาติต้องสวมชุดป้องกันตามมาตรฐานการป้องกันการควบคุมโรค อยู่ห่างจากเด็กในระยะ 2 เมตร และงดการสัมผัสผู้ป่วย
ผู้ป่วยกลุ่มที่ 2 จำนวน 4 คน อายุ 12-14 ปี เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2561 เช้าวันนี้อาการโดยรวมทุกคนสดชื่นดี พูดคุยโต้ตอบได้ดี ไม่มีไข้ รับประทานอาหารปกติแล้ว ขณะนี้ไม่ต้องปิดตา สามารถมองสู้แสงได้ดี ผลตรวจเอ็กซเรย์ปอดปกติ แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทีมแพทย์อนุญาตให้ญาติเยี่ยมผู้ป่วย โดยจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกัน ควบคุมโรค อาทิ สวมชุดป้องกัน อยู่ห่างจากเด็กในระยะ 2 เมตร และงดการสัมผัสผู้ป่วยเช่นกัน
ผู้ป่วยกลุ่มที่ 3 จำนวน 5 คน ทยอยเดินทางมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เวลา 18.34 น. วานนี้(010 ก.ค.) อายุ 11-25 ปี ผลการตรวจประเมินจากทีมแพทย์แรกรับสัญญาณชีพ ความดันโลหิตดี ไม่มีภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ ผลเอกซเรย์มีปอดอักเสบเล็กน้อย 1 คน ผู้ป่วยทุกคนทีมแพทย์ได้ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักและพิษสุนัขบ้า ให้วิตามินบี 1 และยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา และวางแผนให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าประเมินร่างกายโดยละเอียดอีกครั้ง ได้แก่ ประเมินสายตาและการมองเห็น โภชนาการ และสภาวะจิตใจ ทั้งนี้ ได้ส่งตัวอย่างเพื่อหาเชื้อไวรัสโรคอุบัติใหม่ที่อาจพบได้ พร้อมกันนี้ ทีมแพทย์ได้อนุญาตให้ญาติเยี่ยมผู้ป่วยผ่านห้องกระจกตามเวลาที่กำหนด
สำหรับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ส่งตรวจเพิ่มเติมที่กรุงเทพฯ ในผู้ป่วยกลุ่มแรกตรวจไม่พบเชื้อโรคติดต่อประจำถิ่นที่เป็นอันตราย (โรคMelioidosis, Leptospirosis, Scrub Typhus, Nipah Virus) ส่วนการตรวจอย่างอื่นยังอยู่ระหว่างการตรวจเพิ่มเติม
ส่วนผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้ให้บัตรเฝ้าระวังโรค (health beware card) พร้อมคำแนะนำการสังเกตอาการผิดปกติ เช่น หากมีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก ภายใน 2 สัปดาห์ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที
กรณีที่มีข่าวว่ามีเด็กหมดสติระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ขอยืนยันว่าเด็กทุกคนที่มาถึงโรงพยาบาลมีสติดี และขณะนี้ทุกคนมีสภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรงดี แต่ยังคงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 7 วันเพื่อประเมินอาการ เนื่องจากทุกคนมีภาวะเม็ดเลือดขาวสูง แต่เราจะลดระดับการป้องกันลง ขณะที่โรงพยาบาลสนามที่อยู่บริเวณถ้ำหลวง จะเปิดทำการรักษาและดูอาการผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่บริเวณถ้ำอีกประมาณ 2 วันจากนั้นจะปิดโรงพยบาบาลสนาม ส่วนพ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์และทีมซิลอีก 3 นายที่อยู่กับเด็กในถ้ำ วานนี้(10 ก.ค.) ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาล แต่รายละเอียดการตรวจสอบสุขภาพ ทางต้นสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบดูแล
ผู้สื่อข่าวรายนงานว่าบรรยากาศที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ขณะนี้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้นำสแลนสีเขียวที่นำมากั้นไว้ออกจากประตู 1 แล้ว บุคคลทั่วไปสามารถเข้าออกประตูนี้ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม บริเวณชั้น 8 ซึ่งเป็นพื้นที่ทีมหมูป่าอะคาเดมีพักรักษาตัวยังคงเป็นพื้นที่หวงห้าม.-สำนักข่าวไทย
