เชียงราย 11 ก.ค. – การพาเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตลอดการปฏิบัติภารกิจ มีทีมจากหลายหน่วยทำหน้าที่ร่วมกันจนสำเร็จ พาทั้ง 13 ชีวิตออกมาอย่างปลอดภัย
แอนดี้ เอวิส อดีตนายกสมาคมดำน้ำแห่งอังกฤษ เปิดเผยว่า ทีมนักประดาน้ำจากต่างประเทศ 13 คน ที่มาช่วยทีมหมูป่า ส่วนใหญ่เป็นนักดำน้ำที่เป็นสมาชิกของสภากู้ภัยในถ้ำอังกฤษ The British Cave Rescue Council (BCRC) ซึ่งมีประสบการณ์ช่วยเหลือผู้ติดถ้ำจากทั่วโลก
คริสโตเฟอร์ จีเวล ชาวอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำลึก เคยร่วมสำรวจถ้ำ “อูอัตลา” (Huautla) ในเม็กซิโก ถ้ำที่ลึกที่สุดของโลกฝั่งตะวันตก ค้างแรมอยู่ในถ้ำเกือบ 10 วัน เนื่องจากความลึกและความยาวของถ้ำ
Jason Mallinson เชี่ยวชาญเรื่องการดำน้ำแบบใช้อุปกรณ์ แบบ “รีบรีเธอร์ส” (Rebreathers) ซึ่งเป็นการดำน้ำแบบนำอากาศที่หายใจไปแล้ว วนกลับมาใช้ใหม่ อุปกรณ์นี้ทำให้ดำน้ำได้นานมากขึ้น
Michael Clayton จากสภากู้ภัยในถ้ำอังกฤษ เป็นประธานขององค์การกู้ภัยในถ้ำที่มิดแลนด์ และเป็นสมาชิกกลุ่มกู้ภัยในถ้ำกลอสเตอร์เชอร์ ของอังกฤษ ก่อนหน้านี้มีนักดำน้ำอังกฤษ 2 คนสำคัญซึ่งเป็นผู้ดำน้ำไปจนพบ 13 ชีวิตทีมหมูป่าติดอยู่ที่เนินนมสาว คือริชาร์ด วิลเลียม สแตนตัน และจอห์น โวลแลนเทน จากสภากู้ภัยในถ้ำของอังกฤษ สองคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของทีมสำรวจถ้ำในปี 2010 ที่ต้องดำน้ำเกือบ 9 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 50 ชั่วโมง ถือเป็นสถิติการดำน้ำในถ้ำด้วยอุปกรณ์เสริมใบพัด ระยะทางยาวที่สุดในโลก
ในคลิปวิดีโอ into the darkness ที่เผยแพร่ในยูทูบ ยังมีเรื่องราวของ 2 คนนี้ และมีข้อมูลว่า ริชาร์ดเป็นผู้พัฒนาระบบและผลิตระบบ Close circuit rebreather (CCR) ซึ่งทำให้ดำน้ำได้นานขึ้น ลึกขึ้น ปรับอุปกรณ์ CCR ขนาดเล็ก เกี่ยวไว้ข้างตัว ประหยัดเนื้อที่และพัฒนาจนใช้งานและใช้ดำน้ำสำรวจทำลายสถิติในภารกิจทั่วโลก
คุณหมอนักดำน้ำ ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์จากออสเตรเลีย เป็นผู้ตรวจสุขภาพและประเมินสภาพจิตใจของทีมหมูป่า ก่อนเป็นผู้อนุมัติขั้นสุดท้ายว่าพร้อมต่อการออกมากับทีมช่วยชีวิตหรือไม่ ข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับนักดำน้ำของออสเตรเลีย
ระบุว่า หมอริชาร์ด แฮร์ริส เป็นนักถ่ายภาพใต้น้ำด้วย เคยมีส่วนร่วมในการดำน้ำสำรวจถ้ำในหลายประเทศ รวมทั้งมีความสนใจเรื่องความปลอดภัย การสอบสวนอุบัติเหตุในการดำน้ำโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับถ้ำและการดำน้ำเชิงเทคนิค มีประสบการณ์การดำน้ำมากกว่า 30 ปี
ขณะที่นายอีวาน คาราสซิก นักดำน้ำจิตอาสาจากเดนมาร์ก กล่าวว่า เท่าที่พบมายังไม่เคยมีเด็กอายุน้อยเท่าทีมหมูป่าต้องดำน้ำในถ้ำที่ยากเท่านี้มาก่อน นายคาราสซิกซึ่งอยู่ในทีมกู้ภัยจากนานาชาติในปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าและโค้ชรวม 13 คนออกจากถ้ำหลวง จ.เชียงราย ประจำการอยู่ใกล้จุดที่อันตรายที่สุดของถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยมีภารกิจลำเลียงถังอากาศและช่วยแนะแนวทางช่วยเหลือกู้ภัย
นักดำน้ำชาวเดนมาร์ก กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วไม่เคยมีเด็กอายุน้อยถึง 11 ปีต้องมาดำน้ำในถ้ำท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก เรียกได้ว่าอันตรายที่สุด ทัศนวิสัยเป็นศูนย์ และแสงที่มีในถ้ำคือมาจากไฟฉายเท่านั้น ทีมดำน้ำในถ้ำเข้าใจดีถึงความตื่นตกใจต่อสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ หากอุปกรณ์ที่นำติดตัวไปเกิดเสียระหว่างทาง จึงต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้ตลอด นายคาราสซิกบอกว่า ทีมหมูป่ามีขวัญกำลังใจดี ทั้งที่ต้องอยู่ภายในถ้ำมา 2 สัปดาห์ และไม่ได้พบเจอครอบครัวเลย ถือเป็นเด็กๆ ที่เข้มแข็งมากจนเขาประหลาดใจ
นักดำน้ำชาวเดนมาร์กเผยประสบการณ์ในช่วงแรกที่ได้ดำน้ำในถ้ำหลวง ยอมรับว่าเขารู้สึกกลัวมาก แทบมองไม่เห็น กระแสน้ำเชี่ยว น้ำเย็น การเคลื่อนที่ช้า แต่เมื่อได้พบว่าเด็กๆ ปลอดภัยก็รู้สึกดีใจมาก นี่เป็นส่วนหนึ่งจากทีมปฏิบัติการบูรณาการนานาชาติเพื่อช่วยชีวิตทีมหมูป่าที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วประเทศ. – สำนักข่าวไทย
