พม.5 ก.ค.-ผู้สูงอายุในสวัสดิการแห่งรัฐ 4 ล้านคนเฮ พม. เพิ่มเงินยังชีพให้ 50-100 บาทต่อเดือน เริ่มเบิกได้ 15 ก.ค.นี้
นางธนาภรณ์ พรหมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ(กผส.) ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ซึ่งมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบแนวทางการดำเนินมาตรการให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ตามมติคณะกรรมการการบริหารกองทุนผู้อายุครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2561โดยผู้สูงอายุที่จะได้เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 ล้านคน แยกเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทจะได้รับเพิ่มเดือนละ100 บาท จากเดิมได้เดือนละ 300 บาทและผู้ที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ ไม่เกิน 1000,000 บาทจะได้รับเพิ่มเดือนละ 50 บาท จากเดิมได้เดือนละ 200 บาท ซึ่งระยะแรกจะจัดสรรให้ 3 เดือนก่อนตั้งแต่เดือนก.ค.-ก.ย.2561
อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวต่อว่า ผู้สูงอายุจะต้องนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยเพื่อลงทะเบียนกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย การกดขั้นต่ำจะได้ 100 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่ได้รับ 50 บาท/เดือน จะต้องรอสะสมให้ครบ 100 บาทก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลางในการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าจะสามารถติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยได้ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ และจากนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อขยายระยะเวลาจัดสรรเพิ่มเติม
อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวด้วยว่า สำหรับแหล่งเงินที่จะมาจัดสรรช่วยเหลือผู้สูงอายุดังกล่าวมาจากเงินบำรุงกองทุนผู้สูงจากภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าสุราและยาสูบในอัตราร้อยละ 2 แต่ไม่เกิน 4,000 ล้านบาทต่อปี ขณะนี้มีจำนวนเงินภาษีดังกล่าวเข้ากองทุนผู้สูงอายุแล้วประมาณ 1,402 ล้านบาทและเงินบริจาคจากผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ในส่วนนี้ได้เปิดให้ผู้สูงอายุแจ้งความประสงค์บริจาคตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2560 เป็นต้นมา มีผู้บริจาคแล้วเพียง 515 ราย จึงอยากเชิญชวนให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้พอเพียงร่วมบริจาคเพื่อนำไปสมทบช่วยเหลือผู้สูงอายุยากไร้ต่อไป .-สำนักข่าวไทย