สธ.4 ก.ค.-กรมสุขภาพจิต ร่วมกับสมาคมจิตแพทย์ฯ ออกคำแนะนำสื่อที่จะสัมภาษณ์ทีมฟุตบอลหมูป่าฯ หลังออกจากถ้ำ ขอใช้คำถามเชิงบวกร่วมกันฟื้นฟูจิตใจ ไม่สัมภาษณ์คนเดียวซ้ำๆ และไม่ใช้คำถามจี้อารมณ์ความรู้สึกเด็กขณะเผชิญภัยในถ้ำ
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของการดูแลจิตใจครอบครัวและการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย จนประสบผลสำเร็จทุกคนรอดชีวิต ว่า ต้องขอแสดงความชื่นชมทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติการครั้งนี้ โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกแขนงที่ทำบทบาทเป็นสื่อกลางช่วยกันนำเสนอข่าววิกฤติ อันนำมาสู่ความช่วยเหลือจากทั่วประเทศและทั่วโลก สามารถก้าวผ่านวิกฤติได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเด็กๆ และโค้ชที่ได้รับการช่วยเหลือออกมายังอยู่ในช่วงที่ต้องได้รับการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจอีกช่วงเวลาหนึ่งตามแผนที่ทุกฝ่ายได้เตรียมการรองรับไว้
อย่างไรก็ตามกรมสุขภาพจิตเป็นห่วงเรื่องความสนใจในการติดตามข่าว ตลอดจนการทำข่าวของสื่อมวลชน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของสภาพจิตใจของเด็กได้โดยไม่ได้ตั้งใจ จึงร่วมกับสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยจัดทำคำแนะนำแนวทางการสัมภาษณ์ผู้ประสบภัยของสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการซ้ำเติมทางจิตใจ (retraumatization) ของทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีซึ่งจะช่วยให้การฟื้นตัวก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้สามารถกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวโดยเร็ว และกลับสู่โรงเรียนและเล่นกีฬาได้ตามปกติ
สำหรับการสัมภาษณ์ผู้ประสบภัยหลังจากนี้ แนะนำให้ยึดแนวทาง 2 ประการ คือ
1.ควรทำหลังจากที่ผู้ประสบภัยได้พักและได้รับการปลอบใจจากครอบครัวเป็นส่วนตัวจนสภาพร่างกายและจิตใจฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ก่อน
2.ในการสัมภาษณ์ควรมุ่งไปที่มุมมองด้านบวก เช่น วิธีปลุกปลอบใจกัน ให้กำลังใจกันในกลุ่ม วิธีการสร้างความหวังให้ตัวเองและเพื่อน ซึ่งจะทำให้ผู้เล่าเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองและเพื่อน ๆ จะส่งผลให้จิตใจฟื้นตัวได้รวดเร็วและส่งผลไปถึงทางการฟื้นตัวทางกายด้วย
ประการสำคัญสามารถจดจำประสบการณ์ชีวิตครั้งนี้ไปใช้ในเหตุการณ์ คับขันอื่นๆได้ในอนาคต ขณะเดียวกันจะส่งผลให้ประชาชนที่ติดตามข่าวได้เรียนรู้วิธีการเอาชีวิตรอดเมื่อเผชิญเหตุวิกฤติทั้งแบบหมู่หรือคนเดียวได้ เป็นประโยชน์ของการเรียนรู้จากสื่อสาธารณะไปพร้อมๆกัน
ด้าน นพ.ธรณินทร์ กองสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สิ่งที่ไม่ควรทำมี 2 ประการ ได้แก่1.ไม่ควรถามเพื่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกด้านลบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ควรสัมภาษณ์คนเดียวซ้ำๆ เนื่องจากเวลาเล่าจะไปกระตุ้นให้ระลึกถึงเหตุการณ์ด้านลบนั้นซ้ำๆ เป็นผลเสียอย่างมากต่อเด็กๆที่ถูกสัมภาษณ์ ทำให้เกิดอาการหวาดกลัว ตกใจ จิตใจหดหู่ขึ้นมาอีก โดยเฉพาะหากมีการสัมภาษณ์ซ้ำๆ จะทำให้เครียดมาก เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของจิตใจ และอาจมีผลให้เกิดอาการเครียดเรื้อรัง
2.ไม่ควรนำเสนอข่าวที่สมจริงสมจัง ตื่นเต้นมากเกินควร เพราะจะกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกร่วมตามไปด้วย เมื่อชมมากๆ หรือบ่อยๆ จะเกิดอาการทางจิตใจเหมือนผู้ประสบเหตุการณ์ได้ บางคนเกิดอาการได้มากเหมือนตัวเองกำลังเผชิญภัยพิบัติจริงๆ หากเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ประสบภัยในอดีตอาจเกิดภาวะซ้ำเติมทางจิตใจได้เช่นกัน ซึ่งในการนำเสนอข่าววิกฤติ หากมีการสอดแทรกเสนอเรื่องผ่อนคลายเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศด้วยและเสนอทางออกทางแก้ไข คำแนะนำด้านสุขภาพจิตด้วยจะเป็นผลดีต่อจิตใจ ไม่เครียดจนเกินไป .-สำนักข่าวไทย