แจ้งวัฒนะ 2 ก.ค.-บอร์ด สปสช.ไฟเขียวประกาศหลักเกณฑ์ดำเนินงานกองทุนบัตรทอง ปี 62 รุกดูแลสุขภาพคนไทยกว่า 48 ล้านคนต่อเนื่อง เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ครอบคลุมการรักษาและบริการสาธารณสุขมากยิ่งขึ้น
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ ประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2562 ทั้งนี้ จากที่ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี2562 จำนวน 181,584,093,700 บาท แบ่งเป็น
1.บริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว จำนวน 166,445.22 ล้านบาท เพื่อดูแลประชากร 48.57 ล้านคน หรือเฉลี่ย 3,426.56 บาท/ประชากร
โดยเป็นงบประมาณหลังหักเงินเดือนภาครัฐ จำนวน 119,130.26 ล้านบาท
2.บริการบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 3,046.31 ล้านบาท
3.บริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จำนวน 8,281.79 ล้านบาท
4.บริการสาธาณสุขเพื่อควบคุม ป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง จำนวน 1,135.02 ล้านบาท
5.ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,490.28 ล้านบาท
6.ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง จำนวน 916.80 ล้านบาท
และ 7.ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว จำนวน 268.64 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการผู้ป่วยนอกทั้งในและนอกเขตกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมจำนวน 652,173 ครั้ง
สำหรับการจัดทำหลักเกณฑ์ดำเนินงานกองทุนปี 2562 ทำตามกรอบแนวคิด ทั้งจากร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ,แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12, ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณของประเทศ ,แผนแม่บทบูรณาการพัฒนาระบบประกันสุขภาพ, พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545, ผลรับฟังความคิดเห็นฯ ปี 2560 เป็นต้น
โดยได้ปรับปรุงการดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนฯ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ บริการตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเป้าหมายคัดกรองแต่ละพื้นที่ให้ผ่านความเห็นชอบ อปสข. การบริการตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ปรับให้เบิกจ่ายตามผลงานจริง (Fee schedule),
การปรับแนวทางการจ่ายผู้ป่วยในเพื่อให้หน่วยบริการมีความมั่นใจในการบริการเพิ่มขึ้น ได้แก่ การกันวงเงินระดับประเทศจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อปรับเกลี่ยค่าน้ำหนักสัมพันธ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (AdjRW) และการกำหนดอัตราจ่ายคงตลอดทั้งปีจำนวน 8,050 บาทต่อ AdjRW เป็นต้น
,การปรับปรุงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค ประกอบด้วยคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไวรัสตับอักเสบบี,เพิ่มการจ่ายค่าบริกาตามผลงานจริงในรายการที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการปรับประสิทธิภาพบริหารจัดการงบกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่จะมีการปรับปรุงประกาศฉบับใหม่ เป็นต้น
ในส่วนบริการเฉพาะได้เพิ่มวัคซีนพิษสุนัขบ้าในกลุ่มยาจำเป็น โดยย้ายงบจากค่าบริการผู้ป่วยนอกจำนวน 10.67 ต่อผู้มีสิทธิเพื่อดำเนินการจัดซื้อ, เพิ่มรายการยาตามบัญชียา จ.(2) จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ยาราลเท็คกราเวียร์ (Raltegravir) เพื่อขยายการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก และ ยาบีวาซิซูแมบ (Bevacizumab) เพื่อรักษาโรคหลอดเลือดตาในจอตาอุดตัน และเพิ่มรายการถุงอุจจาระโคลอสโตมี่ (Colostomy Bag) เป็นอุปกรณ์และอวัยวะเทียมเพื่อเบิกจ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับผู้ป่วย
นอกจากนี้ปี 2562 ยังได้พัฒนาเพื่อดูแลผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้นำร่องโครงการความร่วมมือการจัดบริการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ การดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันสูง โดยปรับปรุงบริการเน้นการควบคุมป้องกันภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ขณะเดียวกันยังได้ปรับสัดส่วนการจ่ายชดเชยบริการปฐมภูมิเพื่อสนับสนุนคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster: PCC) เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย