กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- ทหารซ้อนแผนจับแก๊งเงินกู้ดอกโหด 11 โต๊ะรวบ ผู้ต้องหา 21 คน ของกลางจำนวนมาก
พล.ต.มนัส จันดี รอง ผอ.กอ.รมน.กทม. นำกำลังเข้าจับกุมแก๊งทวงหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยโหด ภายในโรงงานร้าง ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ซอย 13 แยก 4 เขตภาษีเจริญ หลังมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ถูกพนักงานเก็บเงินกู้ข่มขู่เอาชีวิตหลังไม่สามารถหาเงินมาชดใช้หนี้ได้ทัน
โดยจับกุมพนักงานเก็บเงินกู้ชาย อายุระหว่าง 20-40 ปี ได้จำนวน 21 คน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นพนักงานของบรรดานายทุนโต๊ะเงินกู้ย่านฝั่งธนบุรี จ.นนทบุรี จ.สมุทรสาคร จ.อุทัยธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา รวม 11 เจ้า เบื้องต้นทำการตรวจยึดเงินสด 100,000 บาท รถกระบะ 2 คัน รถเก๋ง 11 คัน รถ จยย. 2 คัน ไม้เบสบอล 1 อัน สมุดบัญชีรายชื่อลูกค้า และโทรศัพท์มือถือ จากผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ได้ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง ดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะให้ผู้เสียหายเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษตามพฤติกรรมของผู้ต้องหาเหล่านี้เพื่อดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.วิโรจน์ หนองบัวล่าง หน.ฝ่ายการข่าว กอ.รมน.กทม.กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายชื่อ นายโอ๋ (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 35 ปี เจ้าของโรงงานพลาสติกร้างแห่งนี้ ได้เข้ามาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กทม.ว่า ตกเป็นเหยื่อแก๊งทวงเงินกู้ดอกเบี้ยโหด เพราะเมื่อประมาณ 7 เดือน ก่อนหน้านี้ธุรกิจซบเซา ทำให้ต้องไปขอกู้เงินจากนายทุนเงินกู้ จำนวน 14 ราย ยอดเงินรวมกันกว่า 1.4 ล้านบาท โดยนายทุนบางรายคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน บางรายคิดดอกเบี้ยลอย ร้อยละ 2 ต่อวัน ภายหลังหมุนเงินมาจ่ายหนี้ไม่ทัน ทำให้ต้องยุติการประกอบการ และมียอดเงินที่ต้องหามาจ่ายให้บรรดานายทุนเงินกู้รายวัน รวมกันวันละถึง 7.2 หมื่นบาท วันไหนหาเงินมาจ่ายไม่ได้ก็จะถูกพนักงานเก็บเงินข่มขู่หมายหัวจะเอาชีวิต
“เมื่อทาง กอ.รมน.กทม.รับเรื่องราวร้องทุกข์แล้ว จึงประสานงานกับทหารร้อย รส.ป.9 พัน.9 ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการในพื้นที่ วางแผนดักรวบบรรดานายทุนและพนักงานเก็บเงินกู้เหล่านี้ ด้วยการให้ นายโอ๋ ผู้เสียหายโทรศัพท์ไปนัดหมายนายทุนทุกเจ้าให้เข้ามารับเงินก้อนทั้งหมดคืน เมื่อทางโต๊ะเงินกู้มาตามนัดจึงสามารถรวบตัวเอาไว้ได้ เบื้องต้นวันนี้มีเข้ามา 11 ราย จากจำนวน 14 ราย ได้ตัวผู้ต้องหาเป็นทั้งนายทุนและพนักงานเก็บเงินที่นายทุนส่งมา รวมทั้งสิ้น 21 คน โดยจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดรวมทั้งของกลางให้พนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง ดำเนินการสถานเบาก่อน คือ รายใดที่ไม่มีการทำสัญญาเงินกู้เอาไว้ ก็จะให้เจรจาประนอมหนี้ต่อหน้าพนักงานสอบสวนและทหาร ส่วนรายใดมีการทำสัญญาเงินกู้เอาไว้แล้วเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดก็จะให้ผู้เสียหายแจ้งความเพื่อดำเนินการต่อไป” พล.ต.วิโรจน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย