กนง.เสียงแตกคงดอกเบี้ย แต่ขยับจีดีพีโตร้อยละ 4.4

ธปท. 20 มิ.ย. – กนง.เสียงแตกอีกรอบ คงดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ปรับจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4.4 ไม่กังวลเงินทุนไหลออก เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง


นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดย 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 1.75 ในการประชุมครั้งนี้ เพราะเห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจชัดเจน เกรงว่าหากดอกเบี้ยต่ำนานเกินไป โดยดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบร้อยละ 0.6 ประชาชนจะประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร และจะไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ส่วนกรรมการ 1 คนลาประชุม

ในการประชุมครั้งนี้ กนง.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มเป็นขยายตัวร้อยละ 4.4 จากเดิมร้อยละ 4.1 และเศรษฐกิจปี2562 โตร้อยละ 4.2 จากเดิมร้อยละ 4.1 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกปีนี้ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9 จากเดิมร้อยละ 7 และปี 2562 ส่งออกขยายตัวร้อยละ 5 และการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 3.7 แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจยังไม่ได้ส่งผลดีต่อครัวเรือนและการจ้างงานอย่างทั่วถึง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นโตร้อยละ 3.7 จากแรงสนับสนุนโครงการภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ต้องติดตามการลงทุนในโครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ว่าจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ โดยคาดการณ์ การลงทุนภาครัฐโตร้อยละ 8.9 ลดลงจากเดิมร้อยละ 9.5


ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ การกีดกันการค้า และมาตรการการตอบโต้จากคู่ค้าของสหรัฐที่อาจส่งผลต่อการค้าโลกและการส่งออกของไทย ซึ่ง กนง.ยังติดตามใกล้ชิด ขณะเดียวกันยังติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ยังคงมีความผันผวนสูง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรไทย กลับไปลงทุนเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินไหลออกสุทธิ 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นเดือนเมษายน 2561 แต่ยังไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม พื้นฐานเศรษฐกิจยังเข้มแข็ง ทุนสำรองระหว่างประเทศยังสูง หนี้ต่ำ และการถือครองพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติไม่สูง ดังนั้น แม้เงินทุนระยะสั้นจะไหลออก แต่เศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพและมีความเข้มแข็ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : “ทรัมป์ 2.0” นำไปสู่กาลอวสานระเบียบโลก ?

นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดมองโลกแบบแหวกแนว ส่วนหนึ่งทำให้ได้ใจคนอเมริกัน แต่ส่วนหนึ่งทำให้ทั้งโลกปั่นป่วน วันนี้มีคำกล่าวจากผู้นำรัสเซียว่า ระเบียบโลกใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

มอบรางวัล “หมูเด้ง” ทายผล “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง

มอบรางวัลผลไม้ถาดยักษ์ให้ “หมูเด้ง” หลังทำนายทายถูกว่า “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ อวยยศให้เป็น “อาจารย์เด้ง”

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น